Career advice | 27 February 2017

7 เคล็ดลับ มัดใจเจ้านาย ที่มากกว่าแค่ประทับใจ

โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม อยู่กันเป็นชนเผ่า เป็นกลุ่มก้อนมาแต่ตั้งสมัยโบราณ แน่นอนเพราะการอยู่ร่วมกันทำให้โอกาสในการมีชีวิตรอดเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ตัวใหญ่ การเพาะปลูก การสร้างที่อยู่ การเลี้ยงลูก และการปกป้องตัวเองจากศัตรูรอบตัวก็ง่ายขึ้นแค่เพียงเราฟอร์มทีมอยู่ด้วยกัน

แต่ข้อเสียหลักๆ ของการอยู่กันเป็นกลุ่มก็คือ กิจกรรมอะไรก็ตามที่มีคนเกี่ยวข้องมากกว่า 1 คน ก็มักจะมีความคิดเห็นมากมายตามจำนวนคนไปด้วย คำถามคือแล้วใครล่ะจะเป็นคนตัดสินใจ ใครจะเป็นคนที่มีอำนาจที่สุด แล้วเราต้องเลือกปฏิบัติแบบไหนกับใคร เกิดมีคนทะเลาะกันใครจะเป็นคนตัดสิน ใครจะเป็นคนดูแลไม่ให้กลุ่มของเราแตกแยกกัน  


พูดง่ายๆก็คือกลุ่มสังคมของเรานั้นเปรียบดั่งใยแมงมุมมากมายที่ถักทอเอาพลังและอำนาจไว้ด้วยกัน สังคมมนุษย์เมื่อหมื่นปีทีแล้วเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น เพียงแค่เราเปลี่ยนชื่อเรียกจากชนเผ่า เป็น “องค์กร”, “บริษัท” และเรียกใยแมงมุมนั้นว่า “การเมือง” หัวใจของการประสบความสำเร็จในงานที่ทำ จึงขึ้นอยู่กับว่าเรา “คุมเกมการเมือง” นี้อย่างไรด้วย และคนๆเดียวที่มักจะได้คุมเกมการเมืองนี้ก็คือ หัวหน้าเผ่า หรือ “บอส” ในปัจจุบัน การได้ใจบอสของคุณจึงเป็นวิธีเอาตัวรอดอย่างหนึ่งในสังคมยุคนี้ ต่อไปนี้คือ 7 วิธีที่จะช่วยให้คุณดูเจ๋งดูเก่ง และได้ใจบอสของคุณไปเลย!

 

รักษาคำพูด

ทำตามที่พูดให้ได้ ข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมาให้ตรงเวลา ส่งอีเมล์ไม่ให้ตกหล่น ปิดโปรเจ็คทันวันเดดไลน์ ทำยอดทะลุเป้า หากคุณทำตามที่พูดไว้ได้ทั้งหมด คุณจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้านายอยู่เสมอ เผลอๆอาจจะได้รับมอบหมายงานมากขึ้น รวมถึงตำแหน่งงานที่พุ่งขึ้นด้วย ลองคิดตามว่า สมมติคุณมีเก้าอี้ 2 ตัว ตัวหนึ่งขาเป๋นั่งแล้วโยกไปโยกมา จะหักวันไหนก็ไม่รู้ กับอีกตัวที่แข็งแร็งมั่นคง นั่งยังไงก็ไม่หัก เจ้านายคุณจะเลือกนั่งตัวไหน


รับผิดชอบให้เป็น

จะรับผิดชอบ หรือจะเอาแต่อ้าง มันต้องมีสักครั้งที่เราผิดคำพูดบ้าง คงไม่มีใครทำตามที่พูดได้ทุกครั้ง แต่เมื่อคุณพลาดไปแล้ว ก็จงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าข้อผิดพลาดนั้นคุณจะไม่ได้ตั้งใจทำก็ตาม  ยกตัวอย่างเช่น คุณมาประชุมสายเพราะต้องพาลูกไปหาหมอ แทนที่จะอ้างกับที่ประชุมว่า “ขอโทษค่ะเมื่อเช้าต้องพาลูกไปหาหมอกระทันหัน กลับมาไม่ทันจริงๆ” ลองพูดว่า “ขอโทษที่มาสายนะคะ เชิญประชุมกันต่อได้เลยค่ะ ดิฉันจะตามเก็บข้อมูลที่ฟังไม่ทันหลังจบประชุมเองอีกทีค่ะ” แทนดูสิ ถ้าบอสเรียกคุณไปคุยว่าทำไมมาสาย ค่อยอธิบายให้ฟังอีกครั้งและย้ำว่าคุณจะตามงานให้ทัน


คิดบวก พูดบวก ให้เป็นนิสัย

จะขอร้องหรือจะตำหนิ ข้อนี้เราควรฝึกให้เป็นนิสัย โดยเฉพาะเวลาอยู่กับบอส มาลองดูข้อแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้กัน คำตำหนิจะบอกว่า “งานนี้ใช้ไม่ได้/คุณมันใช้ไม่ได้” ในขณะที่คำขอร้องจะบอกว่า “ดิฉันว่าเราควรทำแบบนี้ดีกว่าค่ะ..” คำตำหนินั้นฟังดูเหมือนเด็กๆ เอาแต่ใจ ขี้บ่น งอแง กลับกันคำขอร้องจะทำให้คุณดูน่าเชื่อถือ และดูมีเหตุมีผลมากขึ้น ดังนั้นแทนทีคุณจะบ่นกับบอสคุณว่า “ฝ่ายการตลาดนี่ทำงานไม่ได้เรื่องเลย!” ลองเปลี่ยนเป็น “บอสพอจะมีความเห็นไหมคะว่าเราควรจะทำงานกับฝ่ายการตลาดนี้ยังไงดี” จะฟังดูดีขึ้นทีเดียว


ให้ข้อเสนอแนะ

คำขอร้องข้อข้างบนว่าดีแล้ว แต่คำเสนอแนะดีกว่า! วันก่อนดิฉันมีโอกาสคุยกับ HR คนหนึ่งที่ได้ลองใช้วิธีเปลี่ยนคำตำหนิเป็นคำขอแทน จากตอนแรกที่จะบ่นว่า “ไม่มีใครเห็นหัวชั้นเลย บอกให้ทำอะไรก็ไม่มีใครฟัง” แต่เธอฉุกคิดได้ว่าพูดไปก็มีแต่เสีย จึงเปลี่ยนเป็น “บอสช่วยคุยกับหัวหน้าแผนกให้ทีได้ไหมคะว่ารบกวนตอบอีเมล์และมาตามนัดดิฉันด้วย” ฟังดูดีขึ้นใช่ไหม แต่ยังไม่ดีที่สุด สุดท้ายเธอเขียนโน้ตวิธีแก้ปัญหาของเธอให้บอสอ่านแทนว่า “นี่คือหน้าที่ของดิฉันในที่ทำงานนี้ ดิฉันอยากให้บอสเช็คอีกครั้งว่าถูกต้องไหม แล้วหลังจากนั้นดิฉันจะแจกแจงให้เหล่าหัวหน้าแผนกฟังและรับรู้โดยทั่วกัน” แบบนี้เธอได้ใจบอสไปเต็มๆ!

โตด้วยตัวเอง

พนักงานหลายๆคนเอาแต่รอ “เลื่อนตำแหน่ง” ไปอย่างไร้จุดหมาย สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนคือ คุณต้องบอกตัวเองว่าคุณเป็นเจ้านายตัวเอง กำหนดเส้นทางชีวิตตัวเองได้ และรู้ว่าอยากเติบโตไปในทิศทางไหน แทนที่คุณจะเอาแต่รอโอกาสเลื่อนตำแหน่งแบบลมๆแล้งๆ คุณต้องคุยกับบอสตรงไปตรงมาไปเลย ชี้แจงว่าคุณสนใจทำงานในส่วนไหน และอยากจะเติบโตในตำแหน่งอะไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากเป็นผู้จัดการ ลองคุยกับบอสดูว่าให้คุณเป็นคนดูแลเด็กฝึกงานดูได้ไหม หรือเสนอตัวเป็นหัวหน้าโปรเจ็คไปเลย


เฟรนลี่เข้าไว้

เจ้านายส่วนใหญ่หูตาไวทั้งนั้น พวกเขาสังเกตได้ว่าใครชอบใคร ใครเกลียดใคร หากคุณแสดงให้บอสเห็นได้ว่าคุณเข้ากับทุกคนได้ดี ทำให้ทุกคนทำงานได้ง่ายขึ้น คอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ไม่นินทา(เจ้านาย) ไม่ก่อดราม่าในที่ทำงาน ทำให้เขาเห็นว่าคุณมีพลังบวกอยู่ในตัว แค่นี้ก็ชนะใจบอสไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะอย่างน้อย เขาก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับปัญหาหยุมหยิมอย่างใครเกลียดใครในที่ทำงาน


ช่วยให้งานบอสไหลลื่น

ข้อสุดท้ายที่คุณจะทำได้ก็คือทำให้บอสคุณทำงานง่ายขึ้นนั่นเอง บอสส่วนใหญ่เหนื่อยหน่ายกับการที่มีลูกน้องที่เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง คิดแต่บริษัทจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรบริษัทได้ ในฐานะลูกน้อง คุณควรจะคิดว่าจะสนับสนุนเจ้านายและบริษัทอย่างไร ผู้ช่วยของดิฉันเองที่ชื่อ แดน มักจะมีไอเดียดีๆ หรือข้อเสนอดีๆให้เสมอ มันช่วยได้เยอะทีเดียว ทำให้ดิฉันทำงานได้ง่ายขึ้นไวขึ้น การที่เขาคอยช่วยเหลือดิฉัน ทำให้ดิฉันเองก็อยากจะช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน

สักวันนึงถ้าเมื่อคุณมาอยู่ในตำแหน่งบอสเมื่อไหร่ คุณก็จะอยากได้ลูกน้องแบบที่ WorkVenture กล่าวมานี่แหละ ว่าแต่ ตอนนี้ คุณมีกี่ข้อกันล่ะ ?  แล้วมีอย่างอื่นอีกมั้ย ที่คุณเคยทำแล้วรู้สึกว่าบอสคุณ ประทับใจคุณจนออกนอกหน้านอกตา