6 สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องเขียน Resume
เรซูเม่ (Resume) เป็นเอกสารสำหรับสมัครงานที่สำคัญมากเพราะต่อให้คุณจะมีประสบการณ์ในการทำงานมากอย่างโชคโชน หรือมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่บริษัทต้องการ แต่ถ้าไม่สามารถแสดงให้เห็นในเรซูเม่ได้ก็อาจจะไม่ได้รับการเรียกสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ดังนั้นเมื่อต้องเขียนจึงควรใส่ใจถึงรายละเอียดที่จะใส่ลงไปในเรซูเม่ด้วย วันนี้ WorkVenture ได้รวบรวมวิธีการเขียนเรซูเม่ให้เข้าตา HR มาให้ทั้งหมด 6 ข้อ
1. ใส่ข้อมูลสำหรับการติดต่อ
ประวัติส่วนตัวเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใส่ลงใน Resume ซึ่งจะประกอบไปด้วย
-
ข้อมูลสำหรับติดต่อ ชื่อ นามสกุล อายุ รวมไปถึงช่องทางการติดต่อต่างๆ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อกลับเราได้ทันที แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวมากๆ แต่ไม่จำเป็นสำหรับการสมัครงานอย่างเช่น ที่อยู่ เป็นต้น
-
ประวัติการศึกษาให้เรียงลำดับจากการศึกษาสูงสุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่เกรดลงไปก็ได้ และอาจจะใส่รางวัลที่เคยได้รับลงไปด้วย
-
ประวัติการทำงานก็เช่นเดียวกับประวัติการศึกษาให้ใส่ตำแหน่งงานที่ทำล่าสุดไปหาตำแหน่งแรก และอธิบายถึงความรับผิดชอบในการทำงานแบบสั้นๆ ลงไปด้วยจะช่วยให้เรซูเม่ของคุณมีความน่าสนใจมากขึ้น
-
นักศึกษาจบใหม่ เราสามารถเขียนงานที่เคยรับผิดชอบ ประสบการณ์การฝึกงาน หรือสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าเรามีความรับผิดชอบมากพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ประโยคขึ้นต้นเรซูเม่ (Opening Statement)
ประโยคขึ้ต้นเรซูเม่คือการเขียนสรุปเกี่ยวกับทุกอย่างที่บอกว่าเป็นตัวคุณ ควรมีความยาวไม่เกิน 6 บรรทัด เขียนให้ชัดเจนที่สุด โดยให้เริ่มประโยคแรกเป็นคุณเป็นใครและอะไรทำให้คุณเลือกสมัครงานในตำแหน่งนี้ รวมถึงอธิบายทักษะและคุณสมบัติของตัวคุณคร่าวๆ ด้วย
3. ดึงจุดเด่นและทักษะของตัวเองมาเป็นคีย์เวิร์ด
นอกจากระดับการศึกษาที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ในการใช้คัดคนเข้าทำงานแล้ว ระดับความสามารถและทักษะของผู้สมัครก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกคุณเช่นกัน
โดยปัจจุบันนี้มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการแสกนว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติอะไรที่โดดเด่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็น “คำ” และ “วลี” ซึ่งถ้าไม่เจอคีย์เวิร์ดสำคัญ HR ก็จะไม่หยิบเรซูเม่นั้นมาดูเลย ในเรซูเม่ควรเขียนทักษะประมาณ 10 ถึง 15 ทักษะที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์การทำงาน ซึ่งคีย์เวิร์ดที่ควรจะมีก็ได้แก่ ทักษะต่างๆ เช่น ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะเฉพาะทาง หรือทักษะด้านภาษา รวมถึงซอฟต์สกิลต่างๆ ด้วย
โดยเฉพาะองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องทำงานกับคนต่างประเทศหรือต้องมีการติดต่อกับต่างประเทศ แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานด้านภาษาโดยตรง แต่การแนบคะแนนที่แสดงถึงความสามารถทางภาษา ไม่ว่าจะเป็น TOEIC, TOFEL, HSK, TOPIK จะช่วยให้ Resume ของคุณโดดเด่นไปจากคนอื่นๆ ได้อีกด้วย
4. รูปที่ใช้ในการสมัครงานต้องดูดี
รูปภาพที่ใช้ในการสมัครงานไม่จำเป็นต้องไปถ่ายที่ร้าน แต่ควรเป็นรูปที่แต่งตัวสุภาพ หน้าตรง และ ไม่ใช่รูปเซลฟี่ เพราะรูปที่ขาดความเป็นทางการจะลดความน่าเชื่อถือของคุณลงไปมากเลยทีเดียว
5. เลือกใช้สีขององค์กรมาใส่เรซูเม่
Resume ที่เราทำเองนั้นเราสามารถกำหนดสีและเลือกดีไซน์เองได้ การเลือกใช้สีขององค์กรจะทำให้ Resume ของคุณดูโดดเด่น ไม่น่าเบื่อ แต่ยังคงต้องอยู่ในกรอบของความเหมาะสม
6. หาบุคคลอ้างอิงจะช่วยให้น่าเชื่อถือ
ถ้าคุณใส่รายชื่อบุคคลอ้างอิงในเรซูเม่ ก็จะทำให้เรซูเม่ดูน่าเชื่อถือขึ้นมา เพราะอย่างน้อยคนที่เห็นเรซูเม่ก็สามารถเชื่อใจได้ว่าข้อมูลที่เขียนมานั้นสามารถสอบถามได้จากคนเหล่านี้ ซึ่งหากมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ก็จะดี แต่หากไม่มี ก็ให้ใส่ชื่อของอาจารย์ที่ปรึกษาหรืออาจารย์ที่รู้จักคุณเป็นอย่างดีกล้าแนะนำคนอื่นต่อได้ว่าคุณมีความสามารถเหล่านั้นจริงๆ สำหรับบุคคลอ้างอิงควรใส่ชื่อ ตำแหน่งและอีเมลสำหรับติดต่อ
เรซุเม่เปรียบเสมือนช่องทางการทำการตลาดให้ตัวคุณเอง โดยจะต้องพยายามคิดว่าเพราะอะไรคุณถึงสมัครงานในตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนั้นกำลังต้องการคนแบบไหน แล้วเพราะอะไรคุณถึงเหมาะสมกับการทำงานในตำแหน่งนั้น ยิ่งเรซูเม่มีความชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการได้งานมากเท่านั้น