Career advice | 18 September 2023

4 สาเหตุที่ทำไมมนุษย์ออฟฟิศอย่างคุณไม่เคยได้หยุดพัก

 ใครเคยเป็นบ้าง? แม้จะถึงเวลาพักเที่ยงหรือเลิกงานแล้วก็ยังก้มหน้าทำงานอยู่ เพื่อนร่วมงานชวนออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็ไม่คิดจะลุกไปไหนเพราะเชื่อว่างานต้องมาก่อนเสมอ แต่ผลลัพธ์จากการทุ่มเทมากจนเกินไปกลับออกมาตรงกันข้าม กว่าจะรู้สึกตัวอีกที สภาพร่างกายและจิตใจก็ย่ำแย่จนยากจะกู้คืนแล้ว 

ถ้าหากคุณกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ WorkVenture อยากให้คุณพักเรื่องงานลงสักนิด หันใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นสักหน่อย ระหว่างพักผ่อนก็ลองอ่านบทความนี้ดูว่าสาเหตุของการทำงานหนักของคุณคืออะไร แล้วคุณจะตระหนักว่าผลเสียของการทำงานโดยไม่หยุดพักนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่คิดเสียอีก!

 

การที่คุณไม่อยากหยุดพัก อาจเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้

สาเหตุของการทำงานหนักโดยไม่หยุดพักนั้นมีหลากหลายทั้งจากสภาพแวดล้อมการทำงานและพื้นฐานความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น

  • วัฒนธรรมการทำงานแบบ Always-on Culture ซึ่งก็คือลักษณะการทำงานที่เส้นแบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวจะกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้แม้แต่ในช่วงที่พนักงานต้องการจะพักผ่อนก็จำเป็นต้องแสตนด์บายรอทำงานตลอดเวลาตามความคาดหวังขององค์กรหรือผู้บริหาร โดยเฉพาะกับองค์กรที่ยังคงเน้นทำงานในรูปแบบ Work From Home แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะบรรเทาลงแล้วก็ตาม ทำให้พนักงานรู้สึกว่าไม่สามารถแยกตัวเองออกจากการทำงานได้ จึงนำไปสู่การทำงานอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลเสียทั้งร่างกาย จิตใจ จนพนักงานทยอยลาออกในที่สุด

 

 

  • พนักงานเป็นโรคบ้างาน (Workaholic) หรือก็คือกลุ่มคนที่มีความต้องการที่จะทำงานอย่างแท้จริงโดยไม่หยุดพักทั้งทางร่างกายและความคิด ถึงแม้ว่าโรคบ้างานนั้นจะเกิดจากความเต็มใจและยินยอมส่วนบุคคล ทว่ายิ่งคุณทะเยอทะยานเพื่อตอบสนองสภาวะคลั่งไคล้ประสิทธิภาพในการทำงาน (Toxic Productivity) มากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ละเลยต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัวมากเท่านั้น อีกทั้งยังกระทบความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่เริ่มห่างเหิน ไปจนถึงขั้นลดทอนคุณค่าของตัวเองเมื่อไม่ได้ทำงาน ทำให้พนักงานประเภทนี้จำเป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับการทำงานและการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อป้องกันความรู้สึกผิดหวังในตัวเอง

 

 

  • ความกดดันจากงานและสังคมรอบข้าง โดยเฉพาะในองค์กรที่มีธรรมชาติการทำงานที่เร่งรีบ สวนทางกับปริมาณงานและจำนวนพนักงานที่ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งภายใต้เวลาที่มีจำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะจำเป็นต้องทำให้ผลงานออกมามีคุณภาพ เสร็จตามเวลา และตรงตามความคาดหวังของเพื่อนร่วมงานและลูกค้า การถูกกดดันจากสังคมรอบข้างจึงนับเป็นการบั่นทอนกำลังใจของพนักงาน ก่อให้เกิดความรู้สึกหมดไฟจนทำให้หลายคนอาจเริ่มทำงานแบบขอไปที ส่งผลต่อคุณภาพเนื้องานที่แย่ลงตามไปด้วย

 

  • ความหวาดกลัวที่จะถูกทิ้งห่าง เพราะสำหรับพนักงานบางคน การที่เห็นเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า แต่ตัวเองกลับยังยืนอยู่ที่เดิมอาจเป็นความกดดันรูปแบบหนึ่งที่ทำให้พวกเขาตั้งความหวังกับตัวเองสูงเกินไปและเริ่มทำงานหนักโดยไม่หยุดพัก เพื่อที่จะไล่ตามผู้อื่นให้ทันและกลายเป้นคนที่เหมาะสมมากเพียงพอที่จะได้รับโอกาสดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งหรือการขึ้นเงินเดือน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้ก้าวไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ คุณอาจจะต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าและสุขภาพร่างกายที่แย่ลงก่อนจนอาจทำให้คุณท้อถอยและล้มเลิกความตั้งใจในภายหลังได้

 

นี่เป็นเพียงแค่สาเหตุส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ว่าทำไมพนักงานออฟฟิศหลายคนถึงทำงานหนักจนไม่เคยได้หยุดพัก ซึ่งนำไปสู่การประสบปัญหาสุขภาพเรื้อรังทั้งทางร่างกายและจิตใจจนอาจกระทบหน้าที่การงานในอนาคต ถ้าหากคุณเริ่มสังเกตว่าตัวเองกำลังทำงานหนัก บางทีเหตุผลของคุณอาจมาจาก 4 ข้อข้างต้นที่ WorkVenture ได้บอกไปก็เป็นได้ อย่าลืมที่จะสำรวจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และหาเวลาผ่อนคลายระหว่างทำงานบ้าง เพราะการหยุดพักระหว่างทำงานมีประโยชน์มากกว่าที่คิดแถมทำให้คุณไปได้ไกลกว่าการเอาแต่โหมงานหนักเสียอีก