What's new | 24 December 2018

4 ทักษะดี ๆ ที่เรียนได้ใน 8 ชั่วโมง

เรียนเรื่องใหม่ ๆ ได้ใน 8 ชั่วโมง?

ล้อกันเล่นหรือเปล่า ปกติเราต้องใช้เวลาเป็นหมื่นชั่วโมงในการเรียนทักษะใหม่ ๆ นี่?

ผิดครับ!

การฝึกฝนที่มากกว่า 10,000 ชั่วโมงนั่นเอาไว้สำหรับการพัฒนาทักษะให้โดดเด่นจนหาคู่แข่งได้ยากเฉย ๆ ซึ่งใน 13 เดือนที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์แล้วว่าคนเราสามารถเรียนทักษะใหม่ ๆ ได้ในเวลาเพียง 15 - 20 ชั่วโมงเท่านั้น แน่นอนว่าเริ่มจากศูนย์ครับ ซึ่งผมได้แรงบันดาลใจมาจาก TEDx Talk ที่พูดโดย Josh Kaufman (The First 20 Hours — How to Learn Anything)

บิลเกตส์, เจฟ เบซอส, อีลอน มัสก์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, บารัค โอบามา, โอปราห์ วินฟรีย์ ตลอดจนนักแสดงชื่อดังจำนวนมากเลือกที่จะใช้เวลาไปกับการฝึกทักษะใหม่ ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จดังเช่นในปัจจุบัน ไม่ใช่เพราะพวกเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ แต่พวกเขาทุ่มเทให้กับการเรียนรู้และหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ต่างหากครับ 

ผมพิจารณาหัวข้อที่ผมอยากจะเรียนอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่ามันจะใช้ได้จริงและมีประโยชน์ไปตราบนานเท่านาน เอาจริง ๆ หลายทักษะที่ผมหยิบมาฝึกมันก็มีประโยชน์มาเป็นพัน ๆ ปีแล้วแหละ ซึ่งการเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ขอแค่สละเวลาซัก 8 ชั่วโมงก็เรียกได้ว่า “ทำเป็น” แล้วครับ ซึ่ง 8 ชั่วโมงเนี่ย เท่ากับวันทำงานวันนึงเอง

อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนเป็นเวลานาน ๆ ในเรื่องเดิม ๆ ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้ผลลัทธ์ที่ดี เพราะสมองของพวกเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำอะไรนาน ๆ แบบนั้นครับ 

ทักษะแรกที่ผมจะเสนอต่อไปนี้ เป็นพื้นฐานแห่งทักษะทั้งหมดทั้งมวลที่คุณจะได้เรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตครับ ถ้าคุณอยากจะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปตลอดกาลล่ะก็ เรามาเริ่มกันเลยครับ 

หมายเหตุ: เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผมแนะนำให้เริ่มที่ทักษะ “การเรียนรู้” ก่อนอันอื่น หลังจากนั้นอยากเรียนรู้ทักษะไหนก็เลือกตามใจชอบได้เลยครับ

 

 

1.  วิจัยชี้! “เรียนบ่อย” จำได้ดีกว่า “เรียนนาน”

 

เมื่อผมเริ่มพัฒนาทักษะเหล่านี้ พูดตรง ๆ ว่าผมค่อนข้างเคว้งคว้าง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี จนในที่สุดผมก็พบว่า ก้าวแรกของการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการเข้าใจสมองครับ เราต้องรู้ก่อนว่าสมองของเรามีกลไกในการจดจำสิ่งใหม่ ๆ อย่างไร ถ้าเราผ่านก้าวแรกนี้ได้แล้ว ก้าวต่อไปในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ 


ภายในเดือนเดียว ผมเรียนรู้วิธีเขียนหนังสือด้วยภาษาสเปน แต่งเพลงให้เป๊ะปังอลังเวอร์ (จากที่เคยปราศจากความรู้ในด้านดนตรี) เขียนโค้ดหลังบ้านด้วยภาษา Go ตลอดจนเต้นซัลซ่า (แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ ผมเต้นอะไรไม่เป็นเลยซักกะอย่าง) ฟังดูเวอร์ใช่ป่าว? เชื่อผมเถอะ เดี๋ยวคุณจะไม่รู้สึกแบบนั้นแน่ ๆ ครับ สาเหตุที่ผมทำเรื่องพวกนี้ได้ เพราะผมเรียนรู้วิธี “เรียน” ที่ถูกต้องครับ เรามาลองดูวิธีของผมกัน


ผมพัฒนาวิธีเรียนรู้อย่างไร?

เอาจริง ๆ เรื่องนี้เขียนหนังสือได้เป็นเล่มเลย แต่ถ้าจะให้บทความไม่ยาวเกินไปล่ะก็ ผมแนะนำให้คุณลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ

- วางแผนการฝึก: ทำตารางการฝึก ไม่เน้นนาน แต่เน้นถี่และสม่ำเสมอครับ ได้ฝึกทุกวันยิ่งดี
- หาหัวใจหลัก: ก่อนจะเริ่มเรียนรู้อะไรให้ตัดประเด็นรองออก พอเหลือแค่ใจความสำคัญก็จะง่ายขึ้นครับ
- ลงมือทำซ้ำ ๆ: เรียนแล้วต้องใช้ถึงจะจำได้ครับ ถ้าไม่ใช้รับรองว่าลืม
- หาที่ปรึกษา: การที่มีผู้รู้คอยแนะนำ จะทำให้เราเห็นจุดบอดได้เร็วและแก้ไขได้ง่ายครับ ถ้าหาไม่ได้ก็ลองพิจารณาจุดแข็งและจุดด้อยของวิธีที่คุณฝึกดู
- วัดผลความก้าวหน้า: นอกจากวัดผลแล้ว อย่าลืมให้รางวัลตนเองและคอยปรับปรุงทักษะเหล่านั้นอย่างสม่ำเสมอนะครับ เพราะจะทำให้เรารู้ความก้าวหน้าของตนเองแล้ว ยังทำให้เรามีกำลังใจอีกด้วย 

 

2. เปิดตัวในวงการผ่าน “งานเขียน”

 

เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดจะหัดเขียนบทความเลยนะ ถ้าคุณลองถามผมในปีที่แล้ว ผมคงพูดเต็มปากว่าผมไม่สนอ่ะ ผมเป็นโปรแกรมเมอร์ ผมชอบ coding มากกว่า แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผมตัดสินใจว่าผมอยากพัฒนาทักษะด้านการเขียน เพราะมันเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการสื่อสาร และใช้ได้ทั้งกับงาน ทั้งกับชีวิตประจำวัน 

หลังผมเริ่มเขียนได้ 5 วัน บทความผมได้ขึ้นไปอยู่บน The Startup และหลังจากนั้น 23 วัน ผมได้เป็น Top Writer ใน 7 หมวด ซึ่งการอ่านคอมเมนท์จากเหล่าแฟน ๆ นี่เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากครับ ปกติแล้วผมจะหยุดทำกิจกรรมใด ๆ หลังผ่านไป 30 วันจากวันเริ่มฝึกนะ แต่เรื่องงานเขียนนี่ขอยกเว้นไว้หน่อย ผมคงเขียนบทความไปเรื่อย ๆ แหละ

ผมเรียนวิธีเขียนอย่างไร?

เหมือนกับการฝึกสกิลอื่น ๆ แหละ ก็คือทำไปเรื่อย ๆ ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยกล้าก็คือ “เขียนลงที่สาธารณะ” เพราะเราจะเรียนรู้ได้รวดเร็วเมื่องานเขียนของเรามีผู้อ่าน มีคนวิจารณ์ มีคนแสดงความเห็น ซึ่งมันเป็นการบังคับให้เราพัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ อย่างสุดฝีมือ ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงในสิ่งที่มีคนวิจารณ์มา 

ถ้าคุณอยากฝึกการเขียนล่ะก็ ผมแนะนำให้เริ่มด้วยการสร้างบล็อกและลงบทความอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็วันละครั้งแม้ว่าคุณอาจจะไม่พอใจในผลงานนั้น ๆ หรือแม้ว่ามันจะร้างก็ตาม เพราะมันไม่ใช่อะไรที่คุณต้องบังคับใครให้อ่านครับ 

แปดชั่วโมงแรกทำอะไรบ้าง?

เขียนบทความที่มีความยาวอย่างน้อย 300 คำภายในเวลา 30 - 45 นาทีครับ ทำทุกวัน และเผยแพร่ลงในบล็อกที่คุณเลือกใช้ 

สิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างไร?

การเขียน ช่วยให้คุณรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร และรู้ว่าตัวเองต้องการพัฒนาไปในทิศทางไหน แถมงานเขียนชิ้นนั้นไม่ได้มีผลเพียงกับตัวคุณ แต่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านอีกหลาย ๆ คนด้วย 

แหล่งข้อมูลดี ๆ ที่น่าสนใจ

https://writingcooperative.com/the-ultimate-regurgitation-of-epic-info-about-writing-on-medium-com-9b25310f4bc6

 

3. รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งถ้า “ต่อรองเก่ง”

 

การต่อรองเป็นหนึ่งในทักษะที่ผมต้องใช้เวลาเรียนรู้นานหน่อย ผมนับการค้าขายตลอดจนการพูดคำว่า “ใช่”  และ “ไม่” เป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองด้วย ลองถามตัวเองดูว่า คุณปิดการเจรจาแบบ วิน-วิน ทั้งสองฝ่ายได้บ่อยไหม? ถ้าถามผมว่าอะไรคือการเจรจาต่อรอง ผมบอกเลยว่าถ้าดีลไหนที่มีฝั่ง WIN เพียงฝั่งเดียว นั่นไม่ใช่การเจรจา นั่นคือความสูญเสียครับ

ผมเรียนรู้เรื่องนี้อย่างไร?

ทุกครั้งที่คุณจะเจรจาอะไร ให้นึกทางลงแบบวิน-วินให้ได้ครับ เอาจริง ๆ คือมันมีสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจงี้อยู่ในทุกจังหวะชีวิตเลยแหละ ลองดูนะครับ

เย็นนี้เราไปกินข้าวที่ไหนดี? แล้วเราจะเดินทางไปยังไงดี? คืนนี้เราจะดูโทรทัศน์ช่องไหนดี? 

เมื่อคุณตระหนักว่าการต่อรองเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่ต้องฝึกฝน คุณจะพบว่าสถานการณ์ต่าง ๆ รอบตัวเป็นแบบฝึกหัดชั้นยอดที่ไม่มีผลลัทธ์ร้ายแรงแม้จะพลาด (แต่สำหรับคุณพ่อบ้านใจกล้า … อันนี้ Do it at your own risk นะครับ) และถ้านึกไม่ออกว่าจะเริ่มยังไงดี ผมแนะนำให้เข้า Google แล้วพิมพ์ว่า “การต่อรอง โลกการทำงาน” ครับ คุณจะพบกับบทความและประเด็นที่น่าสนใจเพียบ

ทำยังไงใน 8 ชั่วโมงแรก

เตรียมบทบาทสมมติง่าย ๆ ไว้เล่นกับเพื่อนครับ สร้างสถานการณ์ขึ้นมาซัก 8 เคสจากหลายสถานที่ เช่น ที่ทำงาน การต่อราคา ธุรกิจ ฯลฯ แล้วก็หาเพื่อนซักคนมานั่งฝึกกับคุณหัวข้อละ 15 นาทีในทุก ๆ อาทิตย์ ซักเดือนนึงก็เห็นผลแล้วครับ 

เรื่องนี้เปลี่ยนชีวิตผมอย่างไร

สำหรับชาวออฟฟิศ ทักษะนี้จะช่วยอัพเงินเดือนและสวัสดิการให้เราได้ครับ นอกจากนี้คุณจะได้ทำงานที่คุณมีความสนใจ งานที่คุณชอบ ลดปริมาณงานที่ไม่ใช่ไม่โดน ลดปริมาณภาระงานที่ไม่อยู่ในหัวข้อที่คุณถนัด

สำหรับผู้ที่กำลังหางาน คุณจะรู้วิธีตอบให้โดนใจ HR และสัมภาษณ์งานได้ผ่านฉลุย  และถ้าสำหรับชีวิตส่วนตัว คุณจะรับมือกับปัญหาชีวิตคู่ได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าจะทะเลาะกับเพื่อนและแฟนน้อยลงด้วยครับ 

นอกจากนี้ เวลาคุณไปเดินตลาด ทักษะการต่อรองนับเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว นึกภาพการต่อราคาในจตุจักรนะ เชื่อเถอะว่าของหลาย ๆ อย่างเขาบวกกำไรไว้เพียบ ถ้ากล้าที่จะต่ออย่างมีชั้นเชิง ทางร้านก็คงกล้าที่จะขายครับ … ลูกค้าในแวดวงธุรกิจก็จะคล้อยตามคุณได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

เหนือสิ่งอื่นใด การเจรจาที่สัมฤทธิ์ผลจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราครับ

แหล่งข้อมูลดี ๆ ที่ฟรีและสนุก

https://blog.blackswanltd.com
https://www.pon.harvard.edu/daily/negotiation-skills-daily

 

4. “การประสานและความยืดหยุ่น” เคล็ดลับแห่งสุขภาพ

 

ถ้าคุณนึกถึงการประสานงานและความยืดหยุ่นในตารางเวลา อันนั้นก็ดีครับ แต่ประเด็นนี้ผมจะพูดถึงเรื่อง “ทักษะทางกายภาพ” อย่างจริงจัง … ใช่ครับหัวข้อหลักคือการประสานสัมพันธ์ทางกล้ามเนื้อ และความยืดหยุ่นของร่างกายน่ะ

ในชีวิตเรา การมีทักษะทางร่างกายที่ดีและมีความยืดหยุ่น คือหนึ่งในส่วนสำคัญต่อการรักษาสุขภาพกายครับ ซึ่งถ้าเราไม่แข็งแรงพอล่ะก็ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝึกได้ยากสุด ๆ เลยล่ะครับ 

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผู้เขียนอยู่ในสเปน ผมกำลังเดินเล่นริมหาด ผมเจอกับหนุ่มกล้ามสวยกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ก็เลยเข้าไปทัก … เอ่อ เพื่อขอเทคนิคดี ๆ เผื่อว่าจะมีทริคอะไรที่ทำให้เราหุ่นดีแบบนั้นบ้าง ซึ่งเขามีเทคนิคให้จริงด้วยครับ ฟังดูไม่ยากเลยด้วย แถมยังดูไม่น่าเชื่ออีกต่างหาก

ความลับของเขาไม่ใช่การยกลูกเหล็กและกินโปรตีนอย่างหนักครับ เอาจริง ๆ เขาก็แค่กินอาหารอย่างสมดุล และออกกำลังกายสไตล์ยืดเส้นทุกวัน แถมเค้าเป็นมังสวิรัติด้วยนะ ชาววีแกนได้โปรตีนคุณภาพสูงจากถั่วทั้งหลาย ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะก็กล้ามขึ้นเหมือนกันครับ

ผมเรียนเรื่องนี้อย่างไร

เขาโชว์ให้ผมดูว่ายืดเส้นอย่างไรครับ เอาตรง ๆ มันเขียนออกมายากมากกกก ไง ๆ เดี๋ยวผมขอแปะเป็นลิงก์ข้อมูลละกันนะครับ ซึ่งถ้าคุณทำทุกวันรับรองว่าเลิศ พุงยุบแน่นอน จุดสำคัญที่สุดคือเรายืดเส้นที่ไหนก็ได้ครับ (ถ้าไม่แคร์สายตาคนอื่นน่ะนะ) ท่ายืดเส้นส่วนใหญ่ไม่ใช้อุปกรณ์เสริม หรือถ้าใช้ก็ใช้ของพื้น ๆ ที่หาได้ทั่วไป

ยืดตัว 8 ชั่วโมงแรก

ทางเลือก ก.: ยืดเส้นที่บ้าน วันละ 15 นาที ซัก 24 วัน
ทางเลือก ข.: หาคลาสโยคะดี ๆ เข้าวันละชั่วโมงครับ

เรื่องนี้พลิกชีวิตผมอย่างไร

ทักษะนี้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับผม ยิ่งเราแข็งแรงและยืดหยุ่นมากเท่าไรชีวิตเราก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นครับ นอกจากจะทำให้เราเล่นกีฬาและใช้ชีวิตนอกบ้านได้สนุกยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งผลกับความดันโลหิตและสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วย 

แหล่งข้อมูลดี ๆ 

ยืดเส้นแบบใช้ยางยืด https://i.pinimg.com/originals/5f/78/5e/5f785eefca53ea1d53c5ae44c593984b.jpg

ยืดเส้นแบบไม่มีอุปกรณ์ https://www.sparkpeople.com/resource/fitness_articles.asp?id=1261 

ยืดเส้นแบบไม่มีอุปกรณ์ (จริงจังขึ้นอีกระดับ) https://www.sparkpeople.com/resource/fitness_articles.asp?id=1265 

ยืดเส้นแบบไม่มีอุปกรณ์ (จริงจังได้อีก แถมเป็นวีดิโอ) 

สรุปสั้น ๆ 

4 ทักษะ x 8 ชั่วโมงต่อทักษะ = 32 ชั่วโมงที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล

แม้ว่ามันจะแค่ 32 ชั่วโมง แต่ผมอยากให้คุณฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบ วันละ 15 - 30 นาทีก็พอครับ ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นก็ลุยเลย คุณทำได้แน่นอนครับ

บทความจาก: https://medium.com/swlh/8-timeless-skills-to-learn-now-in-under-8-hours-to-change-your-life-forever-75e7b339373a