เผยการดูแลพนักงานสไตล์ UOB ดีจนขึ้นแท่น Top50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด 2024
ตั้งแต่ปี 2542 ที่ยูโอบี หรือธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ ธนาคารข้ามชาติสัญชาติสิงคโปร์ ได้เข้ามาเริ่มต้นวางรากฐานธุรกิจอย่างมั่นคงในประเทศไทย จนปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 25 ปีแล้ว ที่ยูโอบีดำเนินกิจการธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบในประเทศ จนเติบโตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการยอมรับทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย และยังมีการขยายสาขาไปถึงอเมริกาเหนือ และยุโรปตะวันตกอีกด้วย
นอกจากความเติบโตและความมั่นคงของธุรกิจแล้ว ยูโอบียังมีแนวคิดด้านการดูแลพนักงานที่โดดเด่น และโดนใจคนรุ่นใหม่มากๆ คือ ‘เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจตั้งแต่วันแรกของการทำงานจนเกษียณ’ เพราะยูโอบีเชื่อว่า การลงทุนในการดูแลพนักงานให้เติบโตและมีความสุขในการทำงาน จะนำไปสู่ความภักดี และการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งบุคคลและองค์กรในระยะยาว และยังตอกย้ำความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อธนาคารอีกด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ปี 2024 นี้ ยูโอบีได้รับคะแนนนิยมอย่างท่วมท้นจากคนทำงาน จนติดอันดับที่ 43 ของโพล ‘ 50 สุดยอดบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด! ’ ซึ่งหลังจากคุณศศิวิมล อารยวัฒนาพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ขึ้นรับรางวัลท่ามกลางเสียงชื่นชม และปรบมือยินดีอย่างกึกก้องแล้ว WorkVenture ก็มีโอกาสได้พูดคุยแบบเจาะลึกถึงแนวคิด และสวัสดิการในการดูแลพนักงานของยูโอบีทั้งในปัจจุบัน และอนาคต และไม้เด็ดเคล็ดลับที่ทำให้ความนิยมพุ่งแซงหน้ากว่าร้อยองค์กรคู่แข่งมาติดอันดับได้ในปีนี้
และนี่คือ 7 เหตุผลเจาะลึก ..ที่เราสรุปมาให้
ว่าทำไมพนักงานรุ่นใหม่ ‘ต้อง’ อยากทำงานที่ยูโอบี!
1. ยูโอบีเข้าใจคนรุ่นใหม่ และเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกับความต้องการ
ยูโอบีให้ความสำคัญกับพนักงานรุ่นใหม่อย่างจริงจัง จนถึงมีการทำ Research & analyze จนเข้าใจว่า พนักงานรุ่นใหม่มองหาองค์กรที่..
-
มอบความยืดหยุ่น และให้อิสระในการทำงาน
-
มีสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ตอบโจทย์ต่อไลฟ์สไตล์ที่ไม่ชอบความจำเจ
-
เปิดโอกาสให้ได้พัฒนาตนเองในสายงาน หรือข้ามสายงานได้
และออกแบบนโยบายการทำงานให้สอดรับกับความต้องการ เพื่อคีพพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้นานที่สุด เช่น
-
มีเวลาเข้างานที่ยืดหยุ่น เช่น ให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ 2 วันต่อสัปดาห์หรือ เลือกเวลาเริ่มงาน และเลิกงานเพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ และยังมีโปรแกรม Flexi2 ที่อนุญาตให้พนักงานสามารถเลิกงานก่อนเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อไปทำธุระส่วนตัวโดยไม่ต้องลางานได้ด้วย!
-
มีสถานที่ทำงานทันสมัย และ Co-working space ส่วนกลาง ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยซัพพอร์ตให้การทำงานสะดวกขึ้น
-
มีพื้นที่ส่วนกลางให้พนักงานได้ออกกำลังกาย เช่น มีห้องฟิตเนส มีคลาสเรียนซุมบ้า โยคะ หลังเลิกงานทุกๆ สัปดาห์ และชมรมอื่นๆ อีกมากมาย
-
มีโปรแกรมการพัฒนาตนเองสำหรับพนักงานที่มีศักยภาพสูง
บอกเลยว่านโยบายเหล่านี้ตอบโจทย์ โดนใจ และตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่สุดๆ ไปเลย
2. ยูโอบีใส่ใจทุกมิติ เพื่อคุณภาพชีวิตของพนักงาน
หากใครกำลังมองหางานที่ไม่ใช่แค่จ่ายเงินเดือนคุ้มค่า แต่ยังต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีเลิศด้วย ก็ต้องบอกเลยว่า ที่ยูโอบีเค้ามีให้คุณครบเลย! เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับ ‘ความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว’ เป็นที่สุด เริ่มตั้งแต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในการทำงาน จนถึงให้ความสำคัญกับ Wellness ทั้ง 6 ด้านของพนักงาน ได้แก่ สุขภาพกาย (Physical), สุขภาพจิต(mental), การพัฒนาอาชีพ (career), การบริหารจัดการการเงิน (finance), กิจกรรมทางสังคม (social), และ ความฉลาดทางอารมณ์ (intellectual) เลยล่ะ
3. ยูโอบีสนับสนุนให้เติบโตไปด้วยกัน
เข้ามาทำงานที่ยูโอบี ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะถูกปิดกั้นด้านความก้าวหน้าจนเติบโตช้า ที่นี่เค้ามีโปรแกรมส่งเสริมการพัฒนาและเติบโตทางสายอาชีพเยอะมากๆ และครอบคลุมทั้งพนักงานเข้าใหม่ และพนักงานเก่าวัยเก๋าเลยทีเดียว ทั้ง
- Management Trainee Programme คือ โปรแกรมคัดเลือกคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาร่วมงานกับยูโอบี
- Leadership Acceleration คือ โปรแกรมคัดเลือกพนักงานที่มีศักยภาพสูงเพื่อพัฒนาให้เป็นผู้นำในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการจัดอบรมพนักงานในหลักสูตรต่างๆ ทั้งรูปแบบ onsite และ online เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานเลือกโปรแกรมฝึกอบรมที่เหมาะสมกับการเติบโตในสายอาชีพที่ตนเองคาดหวังอีกด้วยนะ
4. ยูโอบีมอบโอกาสทำงานที่ท้าทายทั้งในประเทศและภายในภูมิภาค
ในปี 2022 ที่ผ่านมา ยูโอบีได้สะท้อนภาพความแข็งแกร่งขององค์กรด้วยการขึ้นเป็นธนาคารต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของไทย และได้มีการควบรวมธุรกิจสายบุคคลธนกิจของธนาคาร Citi ใน 4 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จนตอนนี้ ยูโอบีมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 147 สาขา และ 44 Sale Centres (UOB CAP) และมีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจกว่า 3,000,000 ราย และพนักงานมากกว่า 9,000 คน!
จากการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้พนักงานยูโอบีมีโอกาสได้มีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย จากทั้งในและต่างประเทศ จึงเหมาะที่สุดกับพนักงานรุ่นใหม่ที่ชอบความท้าทาย และอยากเพิ่มประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างและหาไม่ได้ในประเทศไทย
5. ยูโอบีมีรูปแบบการจ้างงานที่เข้ากับเทรนด์สมัยใหม่
นอกจากการจ้างงานแบบ Full time แล้ว ยูโอบียังมี Gig workforce หรือการจ้างงานเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งรูปแบบนี้ จะตอบโจทย์กับคนที่อยากหาประสบการณ์และรายได้ในช่วงสั้นๆ หรือมีแผนเรียนต่อ/ทำงานในต่างประเทศแล้ว แต่อยากมาจอยโปรเจกต์ในช่วงรอ หรือ อาจอยากลองทำงานกับทีมยูโอบีว่าฟิตอินกันมั้ย? ก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลไหน.. ยูโอบีก็จัดให้แบบยืดหยุ่น
6. ยูโอบีดูแลพนักงานทุกคนครอบคลุมถึงครอบครัว
ยูโอบี ใส่ใจอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่ตัวพนักงานเอง ยังดูแลไกลไปถึงครอบครัวของพนักงานเลยล่ะ โดยมีโปรเจกต์น่าสนใจต่างๆ ทั้ง
- UOB Nextgen Internship program คือ เปิดโอกาสให้บุตรของพนักงานตั้งแต่อายุ 18-25 ปี เข้ามาฝึกงานได้ โปรแกรมนี้นอกจากได้ความประทับใจจากพนักงานแล้ว ยังได้ talent pipeline ของบริษัทในอนาคตด้วย
- ทุนบุตรพนักงาน คือ การมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรพนักงานที่อยู่ในระดับประถมศึกษา ถึงอุดมศึกษา ที่มีผลการเรียนดี เพื่อเป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน
- Kid Camp คือ การจัดกิจกรรมเข้าค่าย เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถให้บุตรของพนักงาน ฟรี
7. ยูโอบีมุ่งสร้างประสบการณ์ประทับใจตั้งแต่วันแรกของการทำงานจนเกษียณอายุ
ยูโอบีไม่ได้แค่ดูแลพนักงานในช่วงเวลาที่ยังปฏิบัติงานอยู่เท่านั้นนะ แต่ยังดูแลครอบคลุมไปถึงการเตรียมพนักงานให้มี ‘คุณภาพชีวิตที่ดีก่อนเกษียณอายุ’ ในแต่ละปีอีกด้วย ผ่านโปรแกรม Retirement Series และดูแลไปถึง post retirement เลยล่ะ
ก่อนจบการพูดคุยกับ WorkVenture คุณศศิวิมล อารยวัฒนาพงษ์ ได้กล่าวถึงรางวัล Top50 Companies In Thailand 2024 ด้วยความภูมิใจว่า
“ยูโอบีมองว่ารางวัลที่ได้รับไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งยืนยันในความทุ่มเทที่ยูโอบีให้กับบุคลากรเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงภาพลักษณ์องค์กร ที่มาจากสายตาของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันในความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดูแลพนักงานที่เราปฏิบัติมาตลอด และเราจะพัฒนาให้ดีขึ้นในปีต่อๆ ไปค่ะ”
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงรู้สึกว่ายูโอบี เป็นบริษัทที่น่าร่วมงานด้วยมากๆ เลยทีเดียว ด้วยนโยบายการดูแลด้วยความใส่ใจ และเข้าใจพนักงานเป็นที่สุด ยูโอบีจึงเหมาะกับทุกคนที่อยากเข้ามาพัฒนาศักยภาพ และเติบโตไปพร้อมๆ กับยูโอบี ที่สำคัญ WorkVenture เชื่อว่า ยูโอบีจะดูแลทุกคนอย่างอบอุ่นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันเกษียณด้วยความเข้าใจ แบบนี้มั่นใจได้เลยว่า Work with UOB จะมีความสุขครอบคลุมรอบด้านแน่นอน สำหรับใครที่สนใจอยากร่วมงานกับยูโอบี สมัครได้เลย ที่นี่