อย่าปล่อยให้ภาพลวงตาเรื่องอายุมาปิดโอกาสความสำเร็จของคุณอีกต่อไปเลย !
หลายคนมักชอบคิดว่าเอาเองว่าตัวเองเด็กหรือแก่เกินไปที่จะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ได้ เช่น เด็กประถมปลายบางคนคิดว่า ผมคงต้องโตเป็นวัยรุ่นก่อนถึงจะนัดสาวทานข้าวดูหนังได้ ลุงบางคนอาจคิดว่าเรามันแก่เกินที่จะเดินไปชนแก้วกับสาวๆในผับได้ หรือเด็กจบมหาลัยใหม่ๆที่เริ่มหางานบางคนก็คิดว่าเขาคงเป็นได้แค่ลูกน้องตัวเล็กๆในบางแผนกเท่านั้น กล่าวคือ ถ้ายึดตามความคิดเช่นนี้ก็หมายความว่า อายุคือข้อจำกัดในการทำอะไรบางอย่างในชีวิตไปโดยปริยาย ทำให้ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จไปสะอย่างนั้น
แต่ในความเป็นจริงนั้น ความคิดเช่นนี้ล้วนคือการคิดไปเองทั้งสิ้น เพราะอายุเป็นเพียงธรรมชาติที่แสดงวัยของคนผ่านร่างกายเท่านั้น มันไม่ใช่กฎหมายหรือข้อห้ามในการสั่งให้เราทำ หรือไม่ทำอะไรเลย ไม่มีคนหรือกฎหมายมาตราไหนบอกเสียหน่อยว่าการที่เด็กคนหนึ่งจะเดินไปขอนัดสาวเพื่อทานข้าว, ลุงคนหนึ่งอยากจะพูดคุยกับสาวรุ่นลูก เป็นเรื่องผิด และแน่นอน มันก็ไมใช่กฎตายตัวของโลกที่ตำแหน่งงานที่ดีกว่าจะมีไว้ให้เฉพาะคนที่อายุมากกว่า ประสบการณ์มากกว่า ส่วนงานตำแหน่งงานล่างๆที่เหลือเท่านั้นค่อยเอาให้คนอายุน้อยกว่าเป็นคนทำแทน
โลกทุกวันนี้เปิดโอกาสให้คนอายุน้อยมีสิทธิได้ทำอะไรมากมาย คนอายุน้อยสามารถทำอะไรที่ทัดเทียมกับคนอายุเยอะกว่าได้เยอะแยะไปหมด อย่างในประเทศอเมริกาที่มีนักเรียนไฮสคูลเพิ่งจบใหม่ได้เข้าทำงานในตำแหน่งเดียวกันกับคนอายุเยอะๆ ประสบการณ์ทำงานสูงๆเต็มไปหมด หรือในพื้นที่ของธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ดังที่สุดของโลกอย่างซิลิคอน แวลเลย์ ก็เกิดปรากฎการณ์แย่งกันซื้อตัวเด็กไฮสคูลที่เขียนโปรแกรมเก่งๆด้วยเงินหลักล้านบาท เพื่อให้หยุดเรียนแล้วไปเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทของตนกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ในประเทศไทยเองก็ตาม ปรากฏการณ์อายุน้อยร้อยล้านก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว นับว่าการประสบสำเร็จในชีวิตไม่ได้ไขว่คว้ายากอย่างที่คิด
บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลกเริ่มหาคนมาทำงานตำแหน่งสำคัญๆ โดยการลดการพิจารณา “อดีต” ที่ปรากฏในเอกสารสมัครงาน หรือ เรซูเม่ของผู้สมัครงาน แต่หันไปให้ความสำคัญกับ “ปัจจุบัน” จากการพูดคุยหรือสัมภาษณ์แทน เพราะบริษัทเหล่านี้เชื่อว่าเขาสามารถเห็นถึงศักยภาพที่มี หรือศักยภาพที่สามารถถูกพัฒนาได้ของผู้สมัครจากการพูดคุยกันโดยตรงมากกว่าข้อความที่ปรากฏในเอกสาร
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าคนอายุน้อยสามารถสื่อสารความคิดที่ดีของพวกเขาต่อคนสัมภาษณ์ได้อย่างมั่นใจแล้วละก็ เขาสามารถเข้าไปทำงานในตำแหน่งเดียวกันกับคนที่อายุเยอะกว่าพวกเขา 2 เท่าตัวได้สบายๆเลย แต่แน่นอนว่านอกจากความเก่งแล้ว พวกเขาต้องมั่นใจ มั่นใจ และมั่นใจ เพื่อเพิ่มโอกาสการประสบสำเร็จในชีวิตให้มากขึ้นนั่นเอง
ในอดีต ความเขินอายอาจถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ความใสซื่อ อ่อนต่อโลกของผู้สมัครงาน แต่กลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการได้งานสำหรับโลกที่แข่งขันกันมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะตอนนี้ ความกล้าหาญและการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นคือปัจจัยชี้ขาดอันหนึ่งที่บ่งบอกว่า แม้คุณจะอายุน้อยแต่ คุณแข็งแกร่งและกล้าหาญเพียงพอที่จะมารับตำแหน่งสูงๆที่มีความรับผิดชอบเยอะๆได้แค่ไหน และคุณมีศักยภาพมากแค่ไหนที่จะรับผิดชอบชีวิตตนเองให้ประสบความสำเร็จ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เราแค่อยากสื่อสารว่า การได้งานทำไม่ได้ขึ้นอยู่กับรอยตีนกาบนหน้าผากหรือจำนวนเส้นผมหงอกบนหัวที่มากกว่าอีกต่อไป ดังนั้นไม่ต้องคิดมากว่าเรามีอายุน้อยเกินไปที่จะทำงานยิ่งใหญ่ ขนาดคนแก่หลายคนยังพยายามทำตัวให้ดูเด็กลง แล้วจะแปลกอะไรที่คนอายุน้อยอยากจะสวมหัวใจที่ใหญ่เกินกว่าอายุของเขาดูบ้าง
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าคุณอายุเท่าไหร่ แค่รู้ว่าตัวเองชอบทำงานอะไร เหมาะกับอะไร ก็จงกล้าตัดสินใจ และลงมือสมัครหรือทำงานนั้นเลย