จะเลือกทำงานกับองค์กรไหนสักที่ องค์กรนั้น “ควรมี” อะไรบ้าง
ก่อนตกลงเข้าทำงานนั้นควรพิจารณาเรื่องนโยบายต่าง ๆ ของบริษัทให้ดี ๆ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์จากการทำงานที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของเราได้เลย แต่นอกเหนือจากเรื่องเงินและการได้ทำงานที่เราชอบแล้ว องค์กรนั้น ๆ ควรจะมีอะไรที่ต้องพิจารณาอีกบ้าง มาดูกับ WorkVenture เลย
1. ควรมีการดำเนินงานที่ดี
ถ้าต้องการทำงานที่มั่นคง มีการเติบโตสม่ำเสมอ สิ่งที่หลายคนอาจจะดูคือเรื่องผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อย่างถ้าเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราก็สามารถดูข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทได้ด้วย ยิ่งบริษัทมีผลประกอบการดี ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้
แต่เรื่องการดำเนินการของบริษัทที่ WorkVenture พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึงแค่ ในส่วนของธุรกิจอย่างเดียว แต่อยากให้ดูว่า “การดำเนินงาน” กับพนักงานเป็นอย่างไรบ้าง โดยดูว่าวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร เขาปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไร รวมถึงพนักงานในบริษัทพูดถึงการทำงานที่องค์กรตัวเองว่าอย่างไรบ้าง ถ้าพนักงานที่นั่นดูมีความสุขกับการทำงาน เราก็มีโอกาสสูงที่จะได้ทำงานอย่างมีความสุข
2. ควรให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance
ถึงแม้ว่าการทำงานหนักจะเป็นเรื่องดี แต่การทำงานหนักเพื่อเอาเงินไปรักษาตัวเองในภายหลังก็ไม่นะ ทางที่ดีคือจะต้องทำงานไปด้วยและหาเวลาดูแลตัวเองไปด้วย ลองดูว่าบริษัทที่เราต้องการทำงานด้วยนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน โดยอาจจะติดตามได้จาก Facebook และเว็บไซต์ของบริษัท ลองดูว่าพวกเขาจัดกิจกรรมสนุก ๆ หรือมีสวัสดิการอะไรที่ตอบโจทย์ด้านการใข้ชีวิตให้เราบ้าง อย่างถ้าชอบออกกำลังกาย บริษัทที่มีฟิตเนสในตัวก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ช่วยประหยัดเงินค่าสมาชิกลงไปได้มากด้วย
3. ควรมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่
การจะไปทำงานที่ใดสักที่นั้น จะมองแค่ว่าเราได้ทำงานที่เราถนัดและจะทำอยู่อย่างเดียวไปตลอดไม่ได้ เราต้องคิดถึงอนาคตด้วยว่าอีก 1 หรือ 2 ปีข้างหน้าเราตั้งเป้าหมายการทำงานเอาไว้อย่างไร อย่างถ้าเป็นนักบัญชี ก็ตั้งเป้าหมายที่จะสอบใน Certificate ต่าง ๆ ซึ่งในระหว่างการทำงาน หากได้ทำงานในบริษัทที่มีการจัดอบรมให้พนักงานสม่ำเสมอ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น
ความก้าวหน้าในสายอาชีพไม่จำเป็นต้องเลื่อนขั้น มีชื่อตำแหน่งใหม่ เปลี่ยนหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเดียวเสมอไป แต่ยังหมายรวมไปถึงการเพิ่มชุดความรู้ใหม่ ประสบการณ์ในการทำงานจริงเพื่อจะก้าวไปสู่สิ่งที่ดีในวันข้างหน้า
4. ควรมีสิ่งแวดล้อมที่ดี
การทำงานที่เหมาะสมกับแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ทุกวันนี้ออฟฟิศก็มีหลากหลายรูปแบบทั้งการทำงานแบบองค์กร (Corporation) แบบเอเจนซี แบบองค์กรไม่แสวงหากำไรหรือแม้แต่สตาร์ทอัพ ก็มีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป อย่างการทำงานในองค์กรใหญ่ก็จะได้ทำงานอย่างเป็นระบบ แต่ถ้าหากทำงานในสตาร์ทอัพหรือเอเจนซี ก็จะทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบริษัททุกวันนี้ก็มีการตกแต่งเป็นสีสรรต่าง ๆ บางที่มีต้นไม้ บางที่มีห้องสมุด ชอบแบบไหนก็เลือกดูดี นอกจากนี้อย่าลืมดูที่ตั้งของที่ทำงานก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ควรสำรวจรอบ ๆ ที่ทำงานด้วยว่ามีร้านอาหารอะไร ไปทำงานวิธีไหนประหยัดสุด ถ้าหากที่ทำงานมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี การไปทำงานจะกลายเป็นเหมือนฝันร้ายได้เลยทีเดียว
5. ควรมีเพื่อนร่วมงานที่ดี
แม้ว่าทุกอย่างจะดีทั้งหมดแต่ถ้าเพื่อนร่วมงานไม่ดีก็จบกัน เพราะว่าเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า คนในทีมและคนในบริษัทต่างก็เป็นผู้คนที่เราต้องเจอและทำงานด้วยทั้งวัน ถ้าพวกเขาดีมันก็ทำให้การทำงานราบรื่นมีความสุข แต่ถ้าเพื่อนร่วมงานไม่ดี อันนี้ก็จะทำให้ทำงานยากหน่อย
ลองดูว่าตอนสัมภาษณ์งานนั้น คนที่สัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้าง ดูเป็นมิตรไหม คำถามสัมภาษณ์นอกจากเรื่องงานแล้ว เขาดูใส่ใจเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า ก่อนและหลังสัมภาษณ์ วิธีการคุยโทรศัพท์ดีไหม แม้เราจะไม่รู้จักทุกคนในองค์กร แต่การที่เราเห็นผู้สัมภาษณ์นิสัยเข้ากับเราได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เพราะว่าการเลือกบริษัทนั้นสำคัญ และมีเรื่องที่ต้องพิจารณามากมายขนาดนี้ WorkVenture จึงมี Company Review ที่ให้พนักงานของบริษัทต่าง ๆ มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงาน และมี Company Page ของบริษัทต่าง ๆ ที่รวบรวมข้อมูลที่ทั้งหมดเอาไวให้คนหางานสามารถตัดสินใจได้ไม่ยากเลย
อยากรู้ว่าออฟฟิศที่เราเล็งไว้นั้นเป็นอย่างไร เข้ามาดูรีวิวกันได้เลยที่นี่ Company Review