เจาะลึก! ทำไมอโกด้าถึงครองใจคนทำงานรุ่นใหม่ จนอยู่ใน Top50 Companies in Thailand ได้ถึง 6 ปีซ้อน
‘อโกด้า’ ตัวช่วยในการเดินทางที่สายท่องเที่ยวรู้จักกันเป็นอย่างดี ผ่านบริการเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทั้งการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินมาเป็นเวลากว่า 19 ปี ความสำเร็จของอโกด้าไม่ใช่เพียงแค่การเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ใน Top of mind ของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่อโกด้ายังเป็น Top of mind ของคนทำงานรุ่นใหม่อีกด้วย จากสไตล์การทำงานที่ให้อิสระ สวัสดิการที่ครบครัน และประสบการณ์การทำงานที่มอบโอกาสเติบโตในสายอาชีพได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงอยากจะรู้แล้วว่าการทำงานที่นี่เป็นอย่างไร จะพิเศษและแตกต่างจากที่อื่นแค่ไหน วันนี้ WorkVenture ขอพาทุกคนออกเดินทางไปสำรวจและเจาะลึกถึงเหตุผลว่าทำไม? คนรุ่นใหม่ถึงเทใจ โหวตให้อโกด้า เป็นอันดับที่ 4 ใน Top50 Companies in Thailand 2024 และอยู่ในโพลมาติดกันถึง 6 ปีซ้อน มาแพ็คกระเป๋าและออกเดินทางไปดูพร้อมกันกับเราได้เลย!
ประวัติองค์กร 19 ปีกับความมุ่งมานะ เพื่อช่วยลดภาระให้นักเดินทาง
บริษัท อโกดา เซอร์วิสเซส จำกัด หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อ ‘Agoda’ ผู้ให้บริการสำรองห้องพักทางออนไลน์ สำหรับโรงแรมที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2005 ต่อมาได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Booking Holdings ในปี 2007 และควบรวมกิจการกับ Qlika สตาร์ตอัปจากประเทศอิสราเอล ในปี 2014
สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องคือในปี 2019 อโกด้า ได้มีการเปลี่ยนโลโก้ให้ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์คำว่า agoda และวงกลมสีทั้ง 5 วงอยู่เหมือนเดิม และถึงแม้จะเปลี่ยนโลโก้ใหม่แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ วิสัยทัศน์ที่ว่า “See the world for less ท่องโลกทั้งใบในราคาถูกลง” โดยมีความต้องการที่จะเป็นแพลตฟอร์มจองการท่องเที่ยวที่ช่วยให้นักเดินทางได้มีประสบการณ์การท่องเที่ยวได้มากขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และประหยัดมากขึ้น
ปัจจุบัน Agoda มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ รวมไปถึงมีสำนักงานดำเนินการหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ โตเกียว ซิดนีย์ ฮ่องกงและบูดาเปสต์ นอกจากนี้ยังมีสำนักงานย่อยในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Agoda มีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีโรงแรมที่ให้บริการมากถึง 4 ล้านแห่ง และมีจำนวนพนักงานมากกว่า 6,900 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าจากในอดีต
โลเคชั่นและการเดินทาง ออฟฟิศใจกลางเมือง เดินทางง่าย รถส่วนตัวก็ดี รถสาธารณะก็มีครบครัน
พูดได้เต็มปากว่านี่แหละทำเลทอง! เพราะออฟฟิศของอโกด้า ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ณ อาคารดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ (The Offices at CentralWorld) บนถนนพระราม 1 ที่เดินทางได้สุดแสนสะดวกสบาย
สำหรับใครที่ใช้รถส่วนตัว ในอาคารก็มีที่จอดรถพร้อมส่วนลดพิเศษให้กับพนักงาน ส่วนคนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะสามารถนั่ง BTS มาลงสถานีสยาม หรือ สถานีชิดลมได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรถเมล์สาย 511 79 204 และทุกสายที่ผ่านเซ็นทรัลเวิลด์ให้บริการอยู่ตลอด
ใครที่ต้องการหาที่พักใกล้กับบริษัท ก็มีตัวเลือกมากมายตั้งแต่ย่าน สนามกีฬาฯ - ราชเทวี ไปจนถึง ราชดำริ - ชิดลม กันเลยทีเดียว ซึ่งราคานั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับย่านที่เลือก
จุดเช็คอินใกล้ออฟฟิศ รวมมิตรห้างใหญ่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
เมื่อมาทำงานที่อโกด้าแล้ว บอกเลยว่าคุณจะได้วางแผนหาที่เที่ยวหลังเลิกงานทุกวันอย่างแน่นอน เพราะออฟฟิศแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทั้งห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ชนิดที่ว่าสามารถเดินเท้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็น Central World เกษรอมรินทร์ สยามพารากอน สยามสแควร์ และสยามเซ็นเตอร์ ให้สายช้อปได้ไปเลือกช้อปปิ้งกันแบบเพลิน ๆ
สำหรับสายสุขภาพก็มีทั้ง Fitness First ใน Central World หรือ Absolute Boutique และ Physique 57 ในเกษรอัมรินทร์ไว้เป็นตัวเลือกในการออกกำลังกาย รวมถึงสายแฮงค์เอาต์และสายนั่งชิล แถวออฟฟิศก็มี สวนปทุมวนานุรักษ์ สวนจุฬา 100 ปี ร้าน Groove ร้านอาหารและบาร์อื่น ๆ ในย่านนี้ให้เลือกนั่งกันแบบจุก ๆ ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็ตาม WorkVenture เชื่อว่าทำเลนี้จะสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน
อาหารและเครื่องดื่ม มีช้อยส์ให้เลือกเยอะ ทั้งข้างในและใกล้ ๆ ออฟฟิศ
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” ประโยคคลาสสิกที่ไม่ว่าใครก็ยากจะปฏิเสธ ซึ่งที่อโกด้าก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงมีห้องอาหารพร้อมขนม ผลไม้ ซีเรียล เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และเครื่องทำน้ำแข็งไว้คอยให้บริการกับพนักงานอย่างใส่ใจ
นอกจากภายในออฟฟิศแล้ว บริเวณรอบ ๆ ก็ยังมีร้านอาหารมากมายที่ชาวอโกด้าสามารถแวะไปฝากท้องได้ทั้งช่วงพักกลางวันและหลังเลิกงาน อย่างร้าน Starbucks, Arabica, Casa Lapin, Pacamara, Roots, บ้านหญิง, กับข้าวกับปลา, Haidilao, Sushiro และความพิเศษอีกขั้นก็คือร้านอาหารบางร้านนั้น มีส่วนลดพิเศษให้พนักงานอโกด้าโดยเฉพาะ รับรองเลยว่าหากได้ทำงานที่นี่ มื้อไหน ๆ ก็อิ่มท้องได้ในราคาสบายกระเป๋าอย่างแน่นอน
รูปแบบการทำงานที่ให้อิสระ พร้อมรับฟังทุกเสียงจากพนักงาน
อโกด้ามีระบบการทำงานแบบ Hybrid ซึ่งจัดสรรตารางให้พนักงานเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละ 2 วัน และทำงานที่บ้านได้สัปดาห์ละ 3 วัน แม้แต่พนักงานฝ่าย Customer Support ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันเช่นกัน และถ้าต้องการจะลางาน ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะอโกด้ามีระบบ Workday ให้พนักงานสามารถลางาน รวมถึงจัดการเรื่องเงินเดือน และบริการทางบุคลากรอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องเอกสารอีกต่อไป
และอีกหนึ่งสิ่งที่อโกด้าให้ความสำคัญก็คือเรื่องของ communication โดยในทุก ๆ สองเดือน จะมีการจัดประชุมแบบ Town Hall เพื่ออัปเดตข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ เป้าหมายองค์กร รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและตอบคำถามจากพนักงานผ่านทีมผู้บริหารระดับสูงโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานเกี่ยวกับองค์กรและสภาพแวดล้อมในองค์กรอีกด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ทั้งห้องทำงานและโซนพักผ่อนที่มาพร้อมวิวหลักล้าน
ที่อโกด้าส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข พร้อมทั้งตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิทัล ซึ่งสะท้อนผ่านห้องประชุมที่มีระบบ video conference เพิ่มความสะดวกให้กับประชุมข้ามออฟฟิศ มีโต๊ะปรับระดับได้ ปลั๊กไฟและสายอินเทอร์เน็ตที่โต๊ะในทุกห้อง
หากต้องทำงานที่มีการออกไอเดีย ที่นี่มีห้องประชุมพร้อมกระดานไวต์บอร์ดไว้รองรับ และมี collaboration area อยู่ในทุก ๆ ชั้น สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน บริเวณโซนทำงานออกแบบให้เป็นฟลอร์เปิดกว้าง สบายตา มีการตกแต่งด้วยสีสันสดใส มีพื้นที่สีเขียวตกแต่งอยู่ตามทุกซอกมุม เป็นพื้นที่เปิด กว้าง สบายตา สามารถมองเห็นวิวเมืองที่สวยงามรอบออฟฟิศได้
นอกจากการทำงาน อโกด้ายังให้ความสำคัญการพักผ่อนด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารแบบ Pantry ที่มีขนม เครื่องดื่ม ชา กาแฟให้พนักงานได้ใช้บริการ สำหรับพนักงานที่นั่งหน้าคอมมากเกินไป ที่นี่ก็จัดเตรียมห้องพักผ่อนที่มีโซฟาพร้อมเก้าอี้นวด ทำงานที่นี่รับรองว่าห่างไกลจากโรคสุดฮิตอย่าง Office Syndrome แน่นอน
อีกทั้งยังมีห้องละหมาดไว้สำหรับประกอบพิธีตามความเชื่อทางศาสนา มีห้องพยาบาลพร้อมพยาบาลวิชาชีพ ห้องให้นมบุตรสำหรับคุณแม่ลูกอ่อน ยิ่งไปกว่านั้นในบางชั้นยังมีห้องเกม และห้องสมุดอีกด้วย
สวัสดิการครบจบ Remote Work 30 วันต่อปี พร้อม Benefits รอบด้าน
เรื่องของสวัสดิการอโกด้าก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะในด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจตั้งแต่ ประกันสุขภาพกลุ่มแบบรวม OPD และค่าทำฟัน รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมประกันกลุ่มของคู่สมรสและบุตร นอกจากนี้ยังมีบริการ Employee Assistant Program (EAP) ที่พนักงานสามารถติดต่อเพื่อรับการปรึกษาจากนักจิตวิทยาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และแน่นอนว่าทุกอย่างเป็นความลับ
ในด้านการทำงาน อโกด้ามีระบบ Remote Work สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ 30 วันต่อปี และมีงบสำหรับการเซ็ตอัประบบ Work from home ที่บ้านของตัวเองให้กับพนักงานทุกคน
อีกทั้งอโกด้ามีวันลาที่ครอบคลุม ไม่เฉพาะลาพักร้อนและลาป่วย แต่ยังมีวันสำหรับลากิจ ลาเพื่อดูแลครอบครัว ลาเพื่อไปงานศพคนสำคัญ ลาเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน วันลาไปดูแลลูกที่เพิ่งเกิดให้กับคุณพ่อและคุณแม่ลูกอ่อน รวมถึงยังมีวันลาสำหรับไปทำอาสาสมัคร 1 วันต่อปีอีกด้วย
ในด้านการเงิน นอกจากจะมีโบนัสรายปีให้กับพนักงาน ยังมี Agoda Choice ที่เป็น flexible benefits สุดปัง ให้ใช้เบิกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ การดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย สปา การเรียนรู้ หรือการท่องเที่ยวครบวงจร
ยังไม่หมดแค่นั้น! เพราะยังมี Benefits และสิทธิพิเศษ อื่น ๆ ได้แก่
- Agoda Fest ปาร์ตี้พนักงานประจำปีของอโกด้าที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี และยังมีกิจกรรมให้พนักงานได้สังสรรค์ ทำความรู้จักกัน ตามโอกาสพิเศษและเทศกาลต่าง ๆ
- รางวัลในงาน AgodaFest โดยรางวัลใหญ่เป็นงบสำหรับการท่องเที่ยว 250,000 บาทพร้อมวันลาพักร้อนเพิ่มอีก 7 วัน
- Quiz nights ให้พนักงานมาเล่นตอบคำถามแข่งกัน
- กลุ่มตามความสนใจ ที่บริษัทสปอนเซอร์ให้ เช่น กลุ่มกีฬาต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
- Subscription ของแพลตฟอร์มอย่าง Headspace, Udemy, LinkedIn Learning, Odilo, O’Reilly
- Employee Resource Group สำหรับพนักงาน เช่น กลุ่ม Pride (LGBTQ+ และ allies) กลุ่ม Women@Agoda เป็นต้น ที่บริษัทสนับสนุนให้เกิดคอมมูนิตี้ของพนักงาน เพื่อผลักดันนโยบายบางอย่าง หรือจัดกิจกรรมที่สนับสนุน Diversity, Equity and Inclusion
- ส่วนลดการจองห้องพักกับ Agoda
เรียกได้ว่าครอบคลุมสุด ๆ
โอกาสเติบโต พัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
เป็นพนักงานอโกด้าต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะบริษัทได้ผลักดันให้พนักงานได้พัฒนาความรู้ความสามารถ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งที่นี่มีโปรแกรมการฝึกอบรมที่แตกต่างออกไปสำหรับแต่ละสายงาน เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับงานนั้น ๆ โดยแต่ละทีมจะมีโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับพนักงานในแต่ละขั้นของการทำงาน ตั้งแต่เริ่มปรับตัวเข้ากับองค์กร ไปจนถึงเริ่มเป็นผู้นำทีม และเป็นผู้บริหารที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น stakeholder management, project management, presentation skills เป็นต้น ทั้งยังให้ความสำคัญทางด้านภาษา โดยมีการจัดคลาสเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมสำหรับคนไทย และมีคลาสภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติเช่นกัน
นอกจากโปรแกรมการฝึกอบรม ก็ยังมีอีเวนต์ aGROWda ที่มีผู้บริหารระดับสูงมาแชร์เรื่องราวที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองและการเรียนรู้ ในส่วนของทีม tech จะมี knowledge sharing อย่างการจัด tech talks และการแข่งขัน hackathon ต่าง ๆ พร้อมมีการแลกเปลี่ยนการอบรมบุคลากรกับบริษัทอื่น ๆ ในกรุ๊ปอีกด้วย
หากมองไปถึง Career Paths อโกด้านั้นเปิดโอกาสให้พนักงานมี open career conversation กับหัวหน้างาน เพื่อวางแผน career path ของแต่ละคน และมี internal job opportunity สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนสายงาน โยกย้ายภายในองค์กร เพราะฉะนั้น การพูดว่า ทำงานที่นี่สามารถสร้างโอกาสเติบโตในสายอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ไม่ใช่คำที่ดูเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
วิสัยทัศน์และค่านิยมองค์กร ‘Bridging the world through travel’
ด้วยวิสัยทัศน์ “Bridging the world through travel” ที่ต้องการเชื่อมโลกเข้าด้วยกันผ่านการเดินทาง และความเชื่อที่ว่าการเดินทางทำให้เราได้สัมผัส เรียนรู้ และมีความสุขกับโลกอันมหัศจรรย์ที่เราใช้ชีวิตอยู่มากขึ้น ทั้งยังพาผู้คนและวัฒนธรรมต่าง ๆ ให้มาพบกัน เพื่อแบ่งปัน สร้างความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจกัน และความสุข สิ่งเหล่านี้จึงสะท้อนออกมาผ่านมุมมองการทำงานที่สร้างอิมแพ็คต่อนักเดินทางทั่วโลก งานที่นี่จึงมีสเกลที่ใหญ่กว่าแค่ในประเทศหรือภูมิภาค ทำให้งานมีความหลากหลาย ท้าทาย และมีโอกาสได้จับงานที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง ดั่งประโยคที่ว่า “Build travel for the world” ซึ่งการสร้างอิมแพ็คดังกล่าวได้นั้น เกิดจากความตั้งใจของอโกด้าในการคัดสรรคนทำงานเก่ง ๆ และเชี่ยวชาญในงานที่ทำ จากทั่วทุกมุมโลก เพราะฉะนั้นจะการันตีได้เลยว่าคุณจะได้ทำงานกับคนที่มีทักษะ ความสามารถ (Work with the best) ทำให้คุณได้เรียนรู้และไปได้ไกลขึ้นอย่างแน่นอน
และท้ายที่สุดนอกจากการทำงาน ที่อโกด้ายังให้ความสำคัญกับคุณค่าและการพัฒนาตนเอง พนักงาน ทุกคนสามารถแสดงออกถึงความคิดเห็น ความเชื่อ และเป็นตัวเอง สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะอโกด้าเชื่อมั่นและตอกย้ำกับพนักงานเสมอว่า “Be you and enjoy the journey”
สินค้าและธุรกิจ แพลตฟอร์มจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน คู่หูคนสำคัญของนักเดินทาง
อโกด้าเป็น Top of mind ของเหล่านักท่องเที่ยว จากการให้บริการจองการท่องเที่ยว ทั้งที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในเว็บไซต์ agoda.com และแอปพลิเคชัน Agoda ที่มีที่พักให้บริการกว่า 4 ล้านแห่ง ใช้ได้ใน 39 ภาษา และมีพนักงานบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่า ครบ จบ ในที่เดียว
คิดว่าทุกคนคงได้คำตอบแล้วว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงโหวตให้อโกด้า เป็น 1 ใน Top50 Companies in Thailand ถึง 6 ปีซ้อน ทั้งความตั้งใจขององค์กรที่จะช่วยให้นักเดินทางได้มีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และประหยัดมากขึ้น รวมทั้งสวัสดิการ สิทธิพิเศษมากมาย และรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แล้วจะมีใครอีกที่ไม่อยากร่วมงานกับอโกด้า? มาร่วมเดินทางไปพร้อม ๆ กับอโกด้าได้เลย ที่นี่