คำแนะนำการหางาน | 15 December 2022

5 Soft Skill เปลี่ยนพนักงานหน้าใหม่ ให้กลายเป็นมือโปร


เวลาจะเริ่มต้นทำงานที่ใหม่แต่ละที หลายคนก็อาจจะกังวลใจว่าจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานใหม่ได้มั้ย? ยิ่งถ้าเป็นคนที่มาจากต่างจังหวัดล่ะก็ จะยิ่งมีความกังวลกับการใช้ชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเราจะวางแผนล่วงหน้าไว้อย่างดีแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชุดทำงาน ของใช้จำเป็น หรือแม้กระทั่งของกินต่างๆ ที่ต้องกักตุนไว้เวลาหิว แต่ลืมคิดไปว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความมั่นใจนี่แหละ ที่จำเป็นต้องพกไปทำงานจริงๆ พยายามยิ้มเข้าไว้นะ ฮึ้บ! 

จริงๆ คุณอาจจะเตรียมการมาอย่างดีเพื่อที่จะเริ่มต้นงานใหม่ แต่เคยไหม? ที่บางครั้งก็รู้สึก "กลัว" แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามีอะไรต้องกลัว และบางครั้งก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาดื้อๆ ซะงั้น เอาล่ะถึงเวลาที่คุณต้องลองเช็คตัวเองอีกทีแล้วหล่ะ ว่าคุณมี Soft Skill 5 ข้อนี้แล้วหรือยัง? เพราะนี่อาจจะช่วยเปลี่ยนพนักงานหน้าใหม่อย่างคุณ ให้มีความมั่นใจกล้าคิดกล้าทำ และช่วยให้คุณทำงานได้เข้ามือรวดเร็วยิ่งขึ้น ราวกับว่าคุณเป็น "มือโปร" ในออฟฟิศนี้มานานจนทำงานคล่องแคล่วสุดๆ เลยก็ได้นะ! 

1. Curiosity ความสงสัยใคร่รู้ 

พอเข้ามาทำงานก็จะรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูไม่คุ้นตาไปซะหมด ทั้งสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งงานที่ทำ ถ้ารู้สึกสงสัยก็ควรถามเพื่อความมั่นใจว่าเราทำงานถูกต้อง และไปในทิศทางเดียวกันกับเพื่อนร่วมงานหรือไม่ไปเลย พยายามอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว หรือทำทุกอย่างตามคำสั่งเพื่อให้งานเสร็จแค่นั้น แต่ต้องพยายามลองถามและทำความเข้าใจ ซึ่งในบางครั้งความอยากรู้อยากเห็นก็ซ่อนแนวคิดใหม่ๆ ที่คนทำงานทุกวันอาจจะมองข้ามไป เพราะงั้นพนักงานหน้าใหม่กับความคิดใหม่ๆ ก็อาจจะสามารถช่วยหาวีธีแก้ปัญหานั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วและสร้างสรรค์อีกด้วย

2. Innovation ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 

ความอยากรู้อยากเห็นทำให้คุณได้แนวคิดใหม่ๆ แต่ก็มักจะตามมาด้วยความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งมีความรู้ความเข้าใจ ยิ่งจะทำให้เกิดแนวความคิดที่ละเอียดมากขึ้น และเริ่มเข้าสู่การนำมาปรับใช้ในความเป็นจริง กับงานจริงๆ ในบางครั้งแค่ลองเปลี่ยนความคิดเล็กๆ น้อยๆ หรือลองเปลี่ยนสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามาบ้างนี่ก็อาจจะช่วยให้งานของคุณ Perfect มากขึ้นไปอีก

 

3. Speed เรียนรู้เร็ว เข้าใจได้ไว

หากไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ลองใช้แนวคิดแบบ "80/20 Pareto priciple" โดย 80% คือผลลัพธ์จากการทำ  และ 20% คือการลงมือทำ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานจะต้องดูให้ดีก่อนว่างานที่เราจะลงมือ 20% นี้ทำให้เกิดผล 80% ต่อเป้าหมายของงานจริงหรือเปล่า เพื่อที่คุณจะได้  Focus กับงานได้ถูกจุด แม้จะเป็นงานที่มีความท้าทายสูงและมีเวลาที่จำกัด ทฤษฏีนี้ก็จะสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น หรือในวันเร่งรีบต้องเลือกลงมือกับงานที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับแรกให้เสร็จเรียบร้อยก่อน และก็อย่าพยายามทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าไปหมดซะคนเดียวหล่ะ 


4. Communication สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสารเป็นสิ่งที่เทคโนโลยียังไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะสามารถตอบกลับได้รวดเร็ว แต่ก็ยังมีปัญหาสำหรับผู้ใช้งานอยู่ บางครั้งอาจจะมีคำถามที่อยากจะถามอยากจะพูดแต่มันไม่มีในตัวเลือก ไม่มีคำตอบของข้อสงสัยนั้นๆ เลย แล้วในยุคปัจจุบันหลายๆ ธุรกิจเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาลดต้นทุนในการจ้างพนักงาน แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้จริงๆ พยายามฝึกการคาดคะเนอารมณ์ด้วยน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง บรรยากาศในการสนทนา เพราะมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถรับมือกับอารมณ์ได้ดีกว่าหุ่นยนต์

 

5. Vulnerability ยอมรับในข้อผิดพลาด

ไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ดีทุกด้านถึงแม้จะเก่งสักแค่ไหน ทว่าในบางครั้งคุณอาจจะอ่อนแอบ้าง หรือพ่ายแพ้บ้างก็ได้ เพราะคุณไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Perfectionist ตลอดเวลา ออกมาใช้ชีวิตบ้าง ถอยออกมาสักก้าว แล้วมองโลกให้กว้างขึ้น ปล่อยตัวปล่อยใจให้ผ่อนคลาย และ enjoy กับการใช้ชีวิต อย่ากดดันตัวเองเพียงเพราะความอยากมีอยากได้เหมือนคนอื่น แต่หาความถนัดของตัวเองให้เจอแล้วเต็มที่กับมันให้สุดไปเลย!


 

ลองคิดทบทวนว่าในเดือนที่ผ่านมาคุณขาด Skill ไหนไปบ้าง อย่าโทษตัวเอง และอย่าจมปลักกับความล้มเหลวที่ผ่านมา เพราะเราไม่อยากให้คุณพลาดช่วงเวลาดีๆ ในการใช้ชีวิตเลยแม้แต่วินาทีเดียว ลองกลับไปมองตัวเองในกระจก แล้วยิ้มให้คนในกระจกบางสักครั้ง คุณคนนั้นสามารถเป็นคนที่มีความสุขกับการทำงานได้อย่างแน่นอน เราเชื่อว่าคุณสามารถมีความสุขกับงานได้มากกว่านี้ ขอแค่คุณเชื่อในตัวคุณ!