Career advice | 4 July 2023

ทำงานอย่างไร? ให้มี Work - Life Balance ที่ดี

ในยุคปัจจุบันที่กระแสโซเชี่ยล สามารถสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิต จนทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติในการใช้ชีวิตหรือการทำงาน ซึ่งในแต่ละวัน คุณอาจใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน สถิติจาก Harvard Business School ระบุว่าคนส่วนใหญ่ต้องทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทำให้เกิดความเครียด ซึ่งสามารถทำร้ายสุขภาพ และความสุขของคุณได้ ทุกวันนี้หลายคนเริ่มเห็นความสำคัญ ของการดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่สนับสนุนให้เกิดกระแสการทำงานแบบ Work-life Balance มากขึ้น

 


 

โดย Work-life Balance คือ การปรับสมดุลหรือการแบ่งเวลาระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว เพื่อที่จะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไป สำหรับคนที่มีงานประจำหรือทำอาชีพอิสระ ถ้าคุณกำลังมองหาเทคนิคเพื่อปรับตัว และอยากทำให้ชีวิตการทำงานที่สบายขึ้น วันนี้ WorkVenture ได้รวบรวมเคล็ดลับเพื่อมาแนะนำ ซึ่งจะทำให้ชีวิตคุณบาลานซ์ขึ้น มาดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง

 

1. รู้คุณค่าของตัวเอง

อะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การใช้เวลากับครอบครัว หรือการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย ที่ผ่านมาคุณให้ความสำคัญสิ่งไหน บ่อยครั้งเรามักจะเห็นคุณค่าว่าอะไรสำคัญ ก็ต่อเมื่อกำลังจะสูญเสียสิ่งนั้นไป ดังนั้น “การให้คุณค่ากับตัวเอง” โดยเริ่มจากการทำสิ่งที่ตัวเองชอบหรือรัก ก็จะทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและสนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น คุณสามารถเริ่มจาก

  • ทำความรู้จักกับตัวเอง ใช้เวลาเพื่อคิดว่า “อะไร คือ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด” ขั้นแรกของการรู้จักตัวเอง คือหาว่าความสุขของคุณเกิดจากการทำอะไร และลงมือทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่

  • เชื่อมั่นว่าคุณสามารถทำได้  “คุณอยากทำมันขนาดไหน” การที่จะลงมือทำสิ่งไหน คุณควรมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะการมีความเชื่อมั่น ว่าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ จะสามารถทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จได้

 

2. กำหนดขอบเขต 

เวลาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับหลายคน ดังนั้นการกำหนดเวลาสำหรับทำงานและการทำกิจกรรมอื่นๆ ในแต่ละวัน เป็นสิ่งจำเป็น และสามารถช่วยให้คุณมีระเบียบแบบแผนในการทำสิ่งต่างๆ และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย เช่น การกำหนดเวลาเพื่อเล่นมือถือในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้คุณหมกมุ่นมากเกินไป นอกจากนี้การบริหารเวลาที่ดียังมีข้อดี เช่น 

  • ทำให้มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ 

  • สามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้น เพราะมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน

  • ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เครียดมากเกินไป เมื่อต้องทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน

 


 

3. ฝึกการบริหารเวลา 

ปฎิทินหรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ มีประโยชน์มากในการช่วยคุณจัดตารางงาน หรือโน้ตสิ่งต่างๆ ที่สำคัญ และยังสามรถช่วยให้คุณรู้ว่า ใช้เวลาไปเท่าไหร่กับการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น to-do lists สามารถนำมาบันทึกว่าในแต่ละวันคุณใช้เวลา ทำอะไรไปบ้าง และ ตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกไป โดยพยายามใช้เวลากับ social media ให้น้อยลง Robert Brooks ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่ Harvard กล่าวว่า คุณควรจะพักการใช้มือถือ เพราะการแจ้งเตือนจากมือถือนั้นจะรบกวนเวลาพักผ่อน ดังนั้นการใช้งานมือถือให้น้อยลง ก็จะทำให้คุณมีเวลาเพื่อผ่อนคลายมากขึ้น และมีเวลาสำหรับทำกิจกรรมอื่น ซึ่งขั้นของสร้าง List ทำได้จาก

  • ลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคุณ 

  • ค่อยๆ ตัดทอนอะไรที่ไม่สำคัญออกไป

  • ลงมือทำกิจกรรมเหล่านั้น โดยกำหนดขอบเขตเวลาอย่างชัดเจน

 

4. สนุกกับงานที่ทำ

"ทำในสิ่งที่คุณรัก และรักในสิ่งที่คุณทำ" งานทุกงานย่อมมีความท้าทาย แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบงานนั้นจริงๆ การเปลี่ยนงานก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้ชีวิตการทำงานคุณดีขึ้น เพราะคุณต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน ดังนั้นความชอบและความสนุกในการทำงาน จึงเป็นสิ่งที่ต้องมี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้คุณทำงานได้ดีขึ้น เพราะแต่ละคนมีบุคลิก และมีสิ่งที่ชอบแตกต่างกัน เช่น บางคนชอบคิดวิเคราะห์ ชอบเขียน หรือชอบพูด ถ้าเจอสิ่งที่คุณทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อ เราแนะนำให้คุณเลือกงานที่ตรงกับบุคคลิกที่คุณชอบ

 


 

5. การสร้างมิตรภาพที่ดี

ในบางครั้งที่เราเครียด การมีเพื่อนหรือคนรอบตัวที่น่ารัก มามอบพลังบวกให้กับเรา ก็สามารถทำให้ความเครียดของเรานั้นลดน้อยลง และยังสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้เราได้อีกด้วย ดังนั้นการมีมิตรภาพที่ดีในที่ทำงาน ก็จะทำให้ชีวิตในการทำงานของคุณมีความสุข และทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น โดยเริ่มจาก

  • ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม

  • เปลี่ยนกลุ่มในการสร้างปฏิสัมพันธ์ และสร้างเครือข่ายใหม่ๆ 

  • พูดคุย สร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อผ่อนคลายเมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานหรือพักเที่ยง

 

6. ใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน คนส่วนมากมักจะสนใจแต่หาเงินมากกว่าการใส่ใจสุขภาพ แต่หากอยู่ในช่วงวัยทำงานจะมีตัวแปรต่างมากมาย ที่สามารถเข้ามาทำลายสุขภาพ เช่น ความเครียดจากงาน และโรคร้ายต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างเงียบๆโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการที่หันมาดูแลตัวเอง เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการออกกำลังกายสามารถลดความเครียดและอาการซึมเศร้าได้ อีกทั้งการนอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ล้วนดีต่อร่างกาย

 


 

7. มีช่วงเวลาพักผ่อน

ช่วงเวลาที่ให้ร่างกายได้พักผ่อน ก็สำคัญไม่แพ้ช่วงเวลาทำงานเลย ซึ่งการพักผ่อนก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้อีกด้วย เพราะช่วงเวลาที่เราพักผ่อน ร่างกายเราจะได้รับพลังงานใหม่ๆ และได้รีบูทตัวเองจากการทำงานหนักๆ  หากคุณหาเวลาว่างอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ไปทำกิจกรรมหรือพักผ่อนนอกสถานที่ เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา อยู่กับธรรมชาติ หรือจะทำกิจกรรมอย่างอื่นที่คุณชอบ ก็จะทำให้คุณทำงานมีประสิทธิภาพและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น 

 

เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการทำงาน เพราะเงินคือสิ่งที่จำเป็น คนส่วนใหญ่จึงทำงานหนักจนเกิดความเครียด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเราจึงแนะนำวิธีการสร้างสมดุลชีวิตด้วยแนวคิด Work-life Balance ที่สามารถช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณได้พักผ่อน และมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งใครที่กำลังหางานใหม่ๆ ที่เว็บไซต์ WorkVenture ของเรายังมีตำแหน่งงานดีๆ พร้อมสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จากบริษัทชั้นนำมากมายในไทยรอคุณอยู่ ถ้าคุณกำลังมองหางาน อย่ารอช้า ถ้าไม่อยากพลาดโอกาส สมัครได้แล้ววันนี้ที่ https://www.workventure.com