คำแนะนำด้านอาชีพ | 1 July 2023

เพื่อนร่วมงานเป็นพิษ เอายังไงกับชีวิตดี

Toxic energy พิษร้ายของคนทำงาน เพราะสถานการณ์แบบนี้เรียกได้ว่ามีโอกาสเจอแทบทุกเวลา ต้นตอจะเป็นอะไรไปได้ ก็สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อนร่วมงานนี่แหละที่พ่นพิษไม่หยุดหย่อน รู้ตัวอีกทีก็แสบร้อน ชีวิตปั่นป่วนไปหมดแล้ว มาทำความเข้าใจกับอาการเหล่านี้ เพื่อให้รู้ผลเสียที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งรู้ทันตัวเองไม่ให้ทำพฤติกรรมดังกล่าว จนสร้างความเสียหายให้แก่องค์กร

Toxic People คือ คนที่มีพฤติกรรม ความคิด คำพูด นิสัยที่แสดงออกมาในเชิงลบ และส่งผลกระทบกับผู้อื่นทั้งในทางตรงและอ้อม โดยส่วนใหญ่คนแบบนี้จะไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าตัวเองกำลังพ่นพิษร้ายแรงใส่คนอื่นอยู่

 


 

ลักษณะของเพื่อนร่วมงาน toxic

  • ตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง : คนประเภทนี้มักไม่สนใจคนรอบข้างหรือปัญหาที่เกิดกับคนอื่น หากเพื่อนร่วมงานมีอุปสรรคในการทำงานมักจะไม่ยื่นความช่วยเหลือไปให้ แต่หากเมื่อตัวเองเจอปัญหาในการทำงานเมื่อไร ทุกคนในทีมจะต้องมาช่วยเขาแก้ปัญหาทุกครั้ง ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะยุ่งกับงานของตัวเองมากแค่ไหน 

  • ทำงานเอาหน้า : เวลามีโปรเจคต์ที่ต้องช่วยกันทำงานเป็นทีม คนเหล่านี้มักชอบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขอความช่วยเหลืออะไรไป ก็มักจะอิดออด แต่เมื่อถึงวันที่ต้องพรีเซนต์งานกับหัวหน้า กลับโผล่มาซะอย่างนั้น แถมเคลมว่าเป็นผลงานตัวเองอย่างหน้าตาเฉย

  • พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น : พูดเก่ง พรีเซนต์ดี แต่พอให้ลงมือทำ กลับทำไม่ได้ คนแบบนี้มักมีอยู่ในทุกออฟฟิศ ทุกบริษัท ไม่รู้เป็นไง ที่ไหน ๆ ก็หนีไม่พ้นคนพูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น จริง ๆ แล้วคนแบบนี้จะไม่มีพิษ มีภัยอะไรเลย ถ้าทำไม่เป็น แล้วยอมรับตรง ๆ ว่าทำไม่เป็น ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ แค่นั้นจบเลย แต่ Toxic People ในที่ทำงานส่วนใหญ่ ดันเป็นคนพูดเก่ง หรือให้พูดตามตรงก็คือทำงานด้วยปาก มือไม้ไม่ขยับ

  • มนุษย์ขี้นินทา : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของการนินทามีอยู่ในทุกสังคม โดยเฉพาะสังคมมนุษย์เงินเดือนยิ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก คนขี้เม้าท์เหล่านี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งมนุษย์ Toxic เช่นกัน เพราะบางครั้งเรื่องราวที่ถูกพูดถึงลับหลังอาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป หรือบางทีก็อาจเป็นเรื่องจริง ที่มีการใส่สีตีไข่เพิ่มเติมเข้าไปตามประสาการเม้าท์มอย ซึ่งนี่อาจส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานของเราได้ เอาเรื่องไม่จริงของเราไปพูดต่อๆ ทั่วทั้งออฟฟิศ จนทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี

  • ก่อให้เกิดความร้าวฉานของสัมพันธภาพ : มักจะหาโอกาสทำร้ายเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะนินทาลับหลัง ผลักเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆออกจากทีมเมื่อมีโอกาส พยายามสร้างเรื่องเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมโดนเจ้านายเรียกพบ หรือสร้างสถานการณ์แย่ๆบ่อยๆ 

  • ทำให้ทีมมีปัญหา : พฤติกรรมที่ไม่ดีของเหล่าเพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหา ทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆดูแย่ไปด้วย  จากการศึกษาพบว่า ทีมที่มีความซื่อสัตย์ ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของที่ทำงาน จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าทีมที่มีปัญหาภายใน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความไม่มีประสิทธิภาพของทีมมีความเกี่ยวเนื่องอย่างมากกับภาพลักษณ์และผลลัพธ์

  • ไม่ฟังใคร ชอบตัดสินคนอื่น : นอกจากจะคิดลบแล้ว ยังไม่ฟังใคร แถมชอบตัดสินคนอื่นอีก อะไรดีไม่ดีพวกเขาบอกได้ แต่พวกเขาจะใช้คำพูดดูถูกและพูดจาถากถางความรู้สึกแทนที่จะพูดด้วยความเข้าใจ ถ้าไปทำงานแล้วเจอคนแบบนี้ แนะนำเลยว่าอย่าอยู่ใกล้ เพราะจะยิ่งทำให้สุขภาพจิตเราเสียไปด้วย แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องร่วมงานกันจริง ๆ บอกได้เลยว่าไม่มีวิธีรับมือ



 

เมื่อเจอเพื่อนร่วมงานที่เป็นพิษแบบนี้ ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง มันต้องมีทางที่ดีกว่าเมื่อต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงานเป็นพิษอยู่

วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นพิษ

  • ดูแลตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก : ความ Toxic นั้นก่อให้เราเกิดความเครียดสะสมได้ ดังนั้นเราจึงควรปล่อยวางกับเรื่องพวกนี้ดูบ้าง บางเรื่องถ้าไม่หนักหนาจนเกินไปก็ให้ลองไม่สนใจ แล้วหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ เพื่อเป็นการคลายเครียด

  • หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า สร้างระยะห่าง : ถ้าเราเจอมนุษย์ Toxic แล้วเรายิ่งแรงใส่กลับไป อาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้ เพราะฉะนั้นลองใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ทำเสมือนว่าคน ๆ นั้นเขาไม่มีตัวตนในออฟฟิศ สร้างระยะห่างที่เหมาะสม อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการจัดการอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงด้วย

  • หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ : บางครั้งการต้องอยู่คนเดียวในสภาวะของความเครียด ก็อาจจะทำให้เราเครียดมากขึ้นเป็น 2 เท่า ดังนั้นจึงควรต้องหาเพื่อนคู่ใจในออฟฟิศไว้สักคน แต่คนนี้ต้องเป็นคนที่สนิทและไว้ใจได้จริงๆ ด้วยนะ เพราะเราเชื่อว่าในสังคมที่เต็มไปด้วย Toxic อย่างไรก็ต้องมีคนดีๆ ปะปนอยู่บ้างแหละ สามารถช่วยพากันผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้

  • หากิจกรรมทำ ระบายความเครียด : ความเครียดนั้นถ้าเก็บสะสมไว้นานๆ ย่อมส่งผลเสียแน่นอน อันดับหนึ่งเลยคือเรื่องของสุขภาพจิตที่ต้องแย่ลงอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจลามไปถึงสุขภาพกายอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงควรหากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อเป็นการคลายเครียด เช่น ลองออกไปเดินนอกออฟฟิศสัก 5-10 นาที

  • ลองพูดคุยหรือหาวิธีการอยู่ร่วมกัน : ส่วนใครที่เป็นสายที่ต้องเคลียร์เพื่อให้จบ ก็ลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้ ด้วยการลองหาเวลาพูดคุยกับคนๆ นั้น แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นการคุยแบบประนีประนอมนะ อย่าเป็นการใช้อารมณ์เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตแน่นอน ลองคุยกันด้วยเหตุผล หาวิธีปรับด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและอยู่ด้วยกันได้มีความสุขและสบายใจยิ่งขึ้น

  • มองหาสิ่งใหม่ๆ หรือมองหาการเปลี่ยนแปลง : ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็คงถึงเวลาในการมองหาการเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ Toxic นั้นมีอยู่ทุกที่จริงๆ เพราะหากเป็นเคสที่คุณเพิ่งย้ายออฟฟิศมาใหม่แล้วเจอคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต่างอะไรจากการหนีเสือปะจระเข้ การจะลาออกอีกครั้งหรือเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆ ดูจะเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยดีนัก

  • บางอย่างต้องถึงมือหัวหน้า : แจ้งให้หัวหน้าของคุณทราบล่วงหน้าว่าทีมของคุณนัดประชุมเพื่อกำหนดบรรทัดฐานของทีม พร้อมทั้งเริ่มจัดการกับพฤติกรรมและความขัดแย้งภายในทีมที่เกิดขึ้น ควรเป็นการจัดการที่โปร่งใส มีการแจ้งให้สมาชิกในทีมรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

  • ไม่ควรนำความ Toxic กลับไปบ้านด้วย : เรื่องที่ออฟฟิศก็ควรให้จบที่ออฟฟิศ เพื่อการดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง จึงไม่ควรนำเรื่องราวแย่ๆ เหล่านี้กลับมาที่บ้าน หรือเอามาปนกับเรื่องส่วนตัว จนกระทบการใช้ชีวิตหลักของเรา อย่าลืมชีวิตมนุษย์เราไม่ได้มีแค่ที่ทำงาน ลองหาซีรีส์หรือภาพยนตร์สนุกๆ ดี เปิดเพลงฟัง ร้องคาราโอเกะ สั่งของอร่อยๆ มาทาน หรือ แพลนทริปเที่ยว จะได้ลืมเรื่องแย่ๆ นี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

 


 

เข้าใจว่าการอยู่ในบรรยากาศหรือกับเพื่อนร่วมงานที่เต็มไปด้วยพิษร้าย ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่การกล้าเผชิญหน้ากับปัญหา เอาชนะด้วยการให้อภัย ไม่ป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าในกรณีที่เตือนไปแล้ว แต่ได้รับท่าทีที่ไม่พอใจ สิ่งที่ดีที่สุดคือ Move on และปล่อยเขาไป ซึ่งการทำลักษณะนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่แคร์ แต่เพราะคุณรู้ตัวเองว่าอยากมีความสุข และอยากให้เขามีความสุขต่างหาก “เลือกที่จะอยู่กับคนที่ให้พลังบวกมากกว่าที่จะอยู่กับคนที่ไม่ยอมเปิดรับฟังความเห็นเราดีกว่า"