คำแนะนำการหางาน | 28 August 2023

ปรับความคิดยังไง? ในวันที่โลกไม่ใจดีกับคนหางาน

“คนรอก็ท้อเป็น” วลีที่บ่งบอกความรู้สึกของคนที่กำลังหางานได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะสมัครงานไปมากแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่เคยได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกเลยสักครั้ง หนำซ้ำเมื่อหันไปมองรอบข้างก็เจอแต่คนที่กำลังก้าวไปข้างหน้า ประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่คาดหวังกันไปทีละขั้น พอตัดภาพกลับมามองตัวเองที่ยังคงหยุดอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หลายคนก็คงอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า “ทำไมฉันถึงล้มเหลวแบบนี้นะ” จนเกิดเป็นความรู้สึกแง่ลบเรื้อรังที่ยากจะกอบกู้ 

ในวันที่โลกไม่ใจดีและกดดันให้คนกำลังหางานรีบประสบความสำเร็จเช่นนี้ มาดูกันว่าทำไมการไปถึงเป้าหมายช้าไม่ใช่เรื่องแย่อย่างที่คิดและ 6 วิธีจัดการความรู้สึกง่าย ๆ เมื่อรู้สึกสิ้นหวังกับการหางาน

 

คนเราต้องรีบประสบความสำเร็จ… จริงหรือ?

การหางานถือเป็นขั้นตอนแรกในการก้าวไปสู่ความสำเร็จด้านการงาน แต่ความจริงที่ว่าสัดส่วนของผู้สมัครและจำนวนการเปิดรับในตำแหน่งงานหนึ่งนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถหางานได้ทันทีตั้งแต่การสมัครครั้งแรก ๆ และบางคนอาจกินเวลาถึงหลักปีเสียด้วยซ้ำ ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่การไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นยังทำได้ยากอยู่ หลายคนก็กำลังเผชิญกับสภาวะกดดันให้ตัวเองรีบประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม โลกนี้ยังมีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “Late Bloomer” หรือ คนที่เติบโตช้าทว่ามั่นคงและมีคุณภาพอยู่ และหลายคนก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Momofuku Ando ผู้คิดค้นและก่อตั้งบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง นิสชิน ในตอนที่เขาอายุ 48 ปี นี่จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการที่ไม่ต้องรีบร้อนเพื่อประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เรื่องผิดเลย กลับกัน การใช้เวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ในแต่ละช่วงเวลาอย่างอดทนและต่อเนื่องต่างหากที่จะเป็นประโยชน์กับคุณไปทั้งชีวิต

ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกดดันให้ตัวเองรีบหางานเพื่อประสบความสำเร็จอย่างใคร เพราะคนเราเป็นเหมือนกับดอกไม้ที่จะมีช่วงเวลาในการเบ่งบานแตกต่างกัน หากรู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้เมื่อไหร่ก็สามารถทำตามวิธีข้างล่างนี้ที่เราตั้งใจรวบรวมมาให้กับคุณผู้อ่อนล้าได้เลย

 

6 วิธีจัดการความรู้สึกยังไงเมื่อยังหางานไม่ได้

1. ยอมรับว่าตัวเองเครียด

เมื่อยอมรับว่าความกังวลที่เกิดจากการหางานไม่ได้นั้นมีตัวตนอยู่จริงและกำลังทำให้รู้สึกทุกข์ใจ คุณจะรู้เท่าทันความเครียดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น จนมีความกล้ามากพอที่จะหยุดวิ่งหนีและหันมาเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้นเพื่อทำความเข้าใจต้นตอและแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น คุณรู้สึกเครียดจากการหางานเพราะได้รับรู้ว่าเพื่อนที่เคยว่างงานเหมือนกันได้งานใหม่นำหน้าไปหมดแล้ว แทนที่จะนำความสำเร็จของคนอื่นมากดดันให้ตัวเองรีบก้าวไปข้างหน้าจนรู้สึกเครียดโดยไม่รู้ตัวเหมือนอย่างเคย คุณจะเริ่มระมัดระวังต่อสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบเหล่านั้น และหันมาให้ความสำคัญกับเป้าหมายรวมถึงสุขภาพใจของตัวเองมากขึ้นแทน

 


 

2. ถอยหลังลงมาหนึ่งก้าว

ความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องดี ทว่าการจดจ่อมากเกินไปกลับส่งผลเสียยิ่งกว่า โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังขมักเขม่นหางานจนละเลยสุขภาพกายและใจของตัวเอง เมื่อคุณกำลังเผชิญกับความเครียดจากการหางานที่ยังหาทางออกไม่ได้ การหยุดมือที่กำลังพิมพ์ประวัติส่วนตัวลง Resume หยุดกวาดสายตาหาตำแหน่งที่สนใจบนเว็บไซต์หางาน และถอยหลังออกมาสักหนึ่งก้าวก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรทำ เพราะนอกจากที่จะได้หันมาใส่ใจสุขภาพ มีเวลาในการพักผ่อนและเติมพลังจากงานอดิเรกได้อย่างเต็มที่ คุณยังได้มีโอกาสกลับมาทบทวนเป้าหมายของตัวเองอีกครั้งให้แน่ใจว่า สิ่งที่คุณมุ่งมั่นที่จะทำนั้นมาถูกทางแล้วหรือไม่ เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้งอย่างมั่นคง

 


 

3. ทำความเข้าใจว่าความผิดหวังเป็นเรื่องปกติ

ไม่ว่าจะเคยได้รับเกียรตินิยมสมัยมหาวิทยาลัยหรืออาจเคยเป็นหัวหน้าทีมมากประสบการณ์มาก่อน อย่างน้อยทุกคนก็ต้องเคยประสบกับความผิดหวังในเรื่องงานมาก่อน หนึ่งในนั้นมาจากการถูกปฏิเสธรับเข้าทำงาน ทั้งจากการเงียบหายของ HR หรือการตกรอบสัมภาษณ์ นำไปสู่ความเครียดที่จะทับถมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การถูกปฏิเสธจากองค์กรหนึ่งไม่ได้การันตีว่าคุณจะถูกปฏิเสธตลอดไป ดังนั้นแม้จะรู้สึกผิดหวังมากแค่ไหน ก็อย่าปิดกั้นโอกาสใหม่ ๆ เพียงเพราะว่าคุณยังไม่ได้งานในตำแหน่งที่ชอบ องค์กรที่สนใจ หรือตามระยะเวลาที่ตัวเองกำหนด เพราะเมื่อสิ่งหนึ่งสิ้นสุดลงย่อมมีสิ่งใหม่รอให้คุณได้ไขว่คว้าอยู่เสมอ

 

4. มองว่าการหางานคือการพัฒนาตัวเอง

ในช่วงระยะเวลาของการหางาน หลายคนอาจจะจินตนาการออกถึงภาพของตัวเองตอนสวมชุดทำงานอยู่กับองค์กรในฝัน หรือกระทั่งภาพตอนที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญกับความพยายามและความกังวลในปัจจุบันก่อนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร  จะดีกว่าหรือไม่หากคุณมองว่าการหางานนั้นคือหนึ่งในโอกาสอันมีค่าที่จะได้ใช้เวลาว่างที่มีอยู่ในการพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จดังใจหวัง ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี

  • เรียนภาษาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่นหรือภาษาอื่น ๆ ที่คุณสนใจ ยิ่งถ้าคุณได้ใบสอบวัดระดับของแต่ละภาษาจากองค์กรที่ได้มาตรฐานมาด้วย จะยิ่งทำให้โปรไฟล์ของคุณน่าจับตามองมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการได้งานและฐานเงินเดือนเข้าไปอีกตามค่าภาษาเหล่านั้น

  • ลงเรียนคอร์สออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมที่จะทำให้ Resume ดูดีขึ้นเพียงลงทะเบียนออนไลน์ในคอร์สที่มอบใบประกาศนียบัตรให้กับคุณและตั้งใจเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด นอกจากจะได้ความรู้คุณอาจจะได้ค้นพบความชอบใหม่ ๆ ที่อาจนำไปต่อยอดในอนาคตได้

  • เปิดใจให้กับการฝึกงาน สำหรับคนที่เข้าสู่วัยทำงานแล้ว อาจมองว่าคงสายเกินไปที่ตัวเองจะเข้าฝึกงานเหมือนกับคนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ซึ่งอาจทำให้พลาดช่วงเวลาที่คุณจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ ๆ ในองค์กรที่เปิดโอกาสให้กับคนทุกช่วงวัยได้เข้ามาเรียนรู้เพื่อนำทักษะที่ได้รับไปสมัครงานประจำก็เป็นได้

 


 

5. เปลี่ยน Mindset ว่า ยังหางานไม่ได้ ≠ คุณไม่เก่ง

ยิ่งถูกปฏิเสธจากองค์กรต่าง ๆ และระยะเวลาในการหางานเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ความเครียดก็จะยิ่งสั่งสมเท่านั้น จนคุณอาจลดทอนคุณค่าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการสงสัยในความสามารถที่มีหรือการโทษเส้นทางที่เลือกเดินในอดีต แต่ในความเป็นจริงยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกมากที่ส่งผลต่อการหางาน เช่น จำนวนและคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนที่ไม่อาจล่วงรู้ หากคุณพยายามเรียนรู้ทักษะที่เป็นประโยชน์ใหม่ ๆ และปรับเปลี่ยน Resume ให้เข้ากับตำแหน่งและองค์กรที่สมัครแล้ว สาเหตุที่คุณยังไม่ได้งานก็อาจจะมาจากปัจจัยภายนอกเหล่านั้นที่คุณไม่จำเป็นต้องคิดให้ปวดหัวอีกเลย

 


 

6. แม้แต่การหางานก็ต้องมีสมดุล

การฝืนสมัครงานต่อไปทั้งที่รู้สึกอ่อนล้าแค่ไหนอาจทำให้คุณลืมไปว่า การหางานก็ไม่ต่างกับการเรียนหรือการทำงานที่จะต้องสร้างสมดุลให้กับชีวิตอยู่เสมอ ดังนั้นคุณควรทำให้การหางานกลายเป็นกิจวัตร โดยกำหนดจำนวนชั่วโมงที่แน่นอนหรือเป้าหมายที่ตัวเองสามารถทำได้ในทุกวันเอาไว้ เช่น จากปกติที่คุณคาดหวังว่า “ฉันจะต้องหางานให้ได้ภายในเดือนนี้” ก็เปลี่ยนเป็น “ฉันจะสมัครงานให้ได้อย่างน้อยสามองค์กรต่อวัน” เป็นต้น เพราะการสร้างเป้าหมายที่เป็นไปได้และไม่เกินกำลังตัวเองจะทำให้คุณมีกำลังใจในการสมัครงาน ลดโอกาสการเกิดความเครียด อีกทั้งคุณยังสามารถใส่ใจกับรายละเอียดใน Resume ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดข้อผิดพลาดระหว่างหางานได้


การใช้เวลานานกว่าคนอื่นเพื่อที่จะประสบความสำเร็จไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเหมือนอย่างวลีที่ว่า “ช้าแต่ชัวร์” WorkVenture เชื่อมั่นในศักยภาพของคุณและขอเป็นกำลังใจให้กับชาว Late Bloomer ทุกคนที่กำลังหล่อเลี้ยงความสามารถของตัวเองอย่างตั้งใจเพื่อรอเวลาที่จะบานสะพรั่งในเวลาที่เหมาะสมที่สุด