ข่าวสารใหม่ๆ | 25 March 2025

5 สวัสดิการโดนใจที่คนรุ่นใหม่อยากได้มากกว่าเงินเดือน

“เงินเดือนดีอย่างเดียวไม่พอ… สวัสดิการต้องโดนใจด้วย”

ในยุคที่คนทำงานไม่ได้มองแค่ตัวเลขในบัญชีสิ้นเดือนอีกต่อไป การมี "สวัสดิการที่โดนใจ" กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกว่าจะร่วมงานกับองค์กรไหน เเละช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรเข้าใจและใส่ใจในคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างแท้จริง 

บางคนอาจเลือกบริษัทที่เงินเดือนน้อยกว่านิด แต่มีสวัสดิการที่เข้าใจชีวิตจริง ดูแลทั้งเรื่องงานและเรื่องใจ นั่นแหละ…คือความรู้สึกว่า “ที่นี่แคร์เรา” มากกว่าการเป็นแค่ที่ทำงาน

บทความนี้ WorkVenture จะพาคุณไปรู้จักกับความสำคัญของสวัสดิการในโลกการทำงานยุคใหม่ พร้อมแนะนำ 5 สวัสดิการโดนใจที่คนรุ่นใหม่อยากได้มากกว่าเงินเดือน!

 

ความสำคัญของสวัสดิการ

สวัสดิการบริษัทคือ ผลประโยชน์เพิ่มเติมที่พนักงานจะได้รับนอกเหนือจากเงินเดือนหรือค่าตอบแทนหลัก ไม่ว่าจะเป็นโบนัส ค่าตอบแทนพิเศษ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ วันหยุดพักผ่อน และอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาภาระในชีวิตประจำวันของพนักงาน และช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในและนอกเวลางาน

ในปัจจุบัน คนทำงานเริ่มมองหามากกว่าแค่ "เงินเดือนดี" แต่ต้องการทำงานในที่ที่มีความมั่นคง ดูแลใส่ใจ และให้สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในระยะยาว บางบริษัทอาจให้ค่าตอบแทนน้อยกว่าบริษัทอื่น แต่มีสวัสดิการที่ครอบคลุมและเข้าใจความต้องการของพนักงาน ก็สามารถกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจได้ เช่น การดูแลค่ารักษาพยาบาล การมีประกันสุขภาพ หรือการสนับสนุนค่าเรียนและค่าฟิตเนส ก็เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ

เพราะเเบบนี้เอง หลายองค์กรจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ และมักนำเสนอรายละเอียดสวัสดิการอย่างชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนการประกาศรับสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็นในโพสต์รับสมัครงานหรือบนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้สมัครรู้สึกได้ว่าองค์กรใส่ใจและพร้อมดูแลพนักงานตั้งแต่วันแรกที่ร่วมงาน

 

 

สวัสดิการบริษัท มีประโยชน์กับองค์กรอย่างไร

นอกจากสวัสดิการที่ดีจะช่วยดึงดูดคนที่มีความสามารถให้สนใจเข้ามาร่วมงานกับองค์กรแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี และส่งผลดีต่อความมั่นคงและการเติบโตขององค์กรในระยะยาวอีกด้วย

สรุปประโยชน์ของสวัสดิการที่ดีต่อองค์กร มีดังนี้:

  • ช่วยดึงดูดคนที่ใช่ให้เข้ามาร่วมทีม: สวัสดิการที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของพนักงาน เช่น การดูแลด้านสุขภาพ หรือโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้สมัครตัดสินใจเลือกองค์กรนั้น ๆ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
  • เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง: เมื่อพนักงานรู้สึกว่าองค์กรให้ความสำคัญกับชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาจริง ๆ ก็จะเกิดความรู้สึกร่วม ผูกพัน และภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทำให้องค์กรกลายเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันอย่างมีพลังและมีเป้าหมายร่วมกัน
  • เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน: สวัสดิการที่ดีจะช่วยลดภาระในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มีผลอย่างมากต่อกำลังใจและประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรช่วยดูแลทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวไปพร้อมกัน
  • ช่วยรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้นานขึ้น: สวัสดิการที่ให้ความมั่นคงและตอบสนองความต้องการของพนักงาน เช่น โบนัส ค่าตอบแทนพิเศษ (Incentive) หรือสิทธิประโยชน์ที่ให้ความรู้สึกว่า “องค์กรเห็นคุณค่าในความทุ่มเท” ล้วนมีส่วนช่วยลดอัตราการลาออก (Turnover Rate) และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างพนักงานกับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5 สวัสดิการโดนใจที่คนรุ่นใหม่อยากได้มากกว่าเงินเดือน

เมื่อพูดถึงสวัสดิการที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งพนักงานและองค์กร ก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วสวัสดิการแบบไหนล่ะ? ที่จะช่วยดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ หรือที่หลายคนเรียกว่า “Talents” ให้รู้สึกอยากร่วมงานกับองค์กรของเรา

เพื่อให้เห็นภาพว่าสวัสดิการแบบไหนที่คนทำงานยุคใหม่ให้ความสำคัญ เราได้อ้างอิงจากผลสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 7,420 คนทั่วโลก  พร้อมรวบรวมตัวอย่างจากบริษัทชั้นนำที่ใช้สวัสดิการในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ มาสรุปเป็น 5 สวัสดิการที่โดนใจและกำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่หลายบริษัทเลือกใช้

 

 

1. ระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

หนึ่งในสวัสดิการที่คนทำงานยุคนี้ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือ “ระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น” ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การเข้างานสาย–เลิกงานช้าได้เท่านั้น แต่รวมไปถึงวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหน หรือบริหารเวลาของตัวเองได้ตามความเหมาะสม

ตั้งแต่ช่วงที่ทั่วโลกต้องรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในปี 2020 การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ก็กลายมาเป็นเรื่องปกติที่หลายคนคุ้นชิน และได้ค้นพบว่า การไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้กัน บางคนกลับรู้สึกว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

แม้สถานการณ์จะกลับมาใกล้เคียงปกติแล้ว แต่หลายคนยังคงชื่นชอบและมองหารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานจากที่ไหน จัดเวลาแบบไหน และโฟกัสที่ผลลัพธ์ของงานมากกว่าการต้องตอกบัตรเช้า–เย็น คนรุ่นใหม่จึงให้ความสำคัญกับอิสระในการทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่าการอยู่ในกรอบเวลาแบบเดิม

 

 

2. เงินโบนัส

เงินโบนัส คือค่าตอบแทนพิเศษที่บริษัทมอบให้พนักงานนอกเหนือจากเงินเดือนประจำ โดยมักจะจ่ายในช่วงสิ้นปีตามผลประกอบการของบริษัท หรือเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งโบนัสถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการยอดนิยมที่คนทำงานให้ความสำคัญ และมักใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจเลือกงาน

จากผลสำรวจของสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย พบว่า “โบนัส” คือสวัสดิการที่พนักงานรู้สึกประทับใจมากที่สุด เป็นอันดับ 1 ที่ทำให้รู้สึก “หัวใจพองโต” รองลงมาคือ เบี้ยขยันหรือ Incentive และค่าตอบแทนตามตำแหน่ง

ทำไมโบนัสถึงเป็นสิ่งที่พนักงานจำนวนมากเฝ้ารอ? เพราะในมุมของคนทำงาน โบนัสเปรียบเสมือนรางวัลตอบแทนความพยายามและความตั้งใจมาตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นเงินก้อนที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนำไปเก็บออม ลงทุน ปลดหนี้ หรือนำไปวางแผนสร้างความมั่นคงในชีวิต แตกต่างจากเงินเดือนปกติที่มักต้องใช้จ่ายไปกับเรื่องประจำวัน เช่น ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง หรือค่าที่พัก

ในมุมขององค์กร การให้โบนัสยังเป็นวิธีแสดงความขอบคุณพนักงานในเชิงรูปธรรม และช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานรู้สึกว่าความทุ่มเทของพวกเขามีความหมาย พนักงานจึงรู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้น และอยากเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว ซึ่งช่วยลดการลาออก (Turnover Rate) และส่งผลดีต่อการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพไว้อย่างยั่งยืน

 

 

3. การสนับสนุนพนักงาน (Employee Support)

ทุกวันนี้ คนทำงานไม่ได้มองหาแค่เงินเดือนดี หรือความมั่นคงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังอยากอยู่ในที่ที่ “สนับสนุนเขาในทุกด้าน” ทั้งเรื่องงานเรื่องชีวิต และการเติบโต ซึ่งก็คือหัวใจของสิ่งที่เรียกว่า Employee Support การดูแลพนักงานให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีองค์กรที่พร้อมเดินไปด้วยกัน

  • การสนับสนุนด้านการทำงาน (Working Environment): องค์กรสามารถสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่นั่งสบาย อุปกรณ์เครื่องมือที่ครบถ้วน รวมถึงซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • การสนับสนุนด้านการเงิน (Financial Support): ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น ค่าเดินทาง ค่าอินเทอร์เน็ต หรือค่าไฟฟ้าสำหรับพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน (WFH) หรือในรูปแบบ Workation ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน
  • การสนับสนุนด้านการพัฒนาตัวเอง: คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและการเติบโตในหน้าที่การงาน พวกเขามองหาบริษัทที่มีงบสนับสนุนค่าเรียน ค่าคอร์สเทรนนิง หรือมีโอกาสได้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือเมนเทอร์ ไม่ว่าจะผ่านการอบรมออนไลน์ ออฟไลน์ หรือกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ภายในองค์กร

     

 

4. ส่งเสริมสุขภาพและให้ความมั่นคง

สุขภาพของพนักงานเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นจึงทำให้หลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของคนในองค์กรมากขึ้น และในขณะเดียวกัน พนักงานเองก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพไม่แพ้กัน เพราะเมื่อสุขภาพดี การใช้ชีวิตและการทำงานก็ราบรื่นไปด้วย

หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เช่น การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ สวัสดิการอย่างประกันสุขภาพหรือการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทก็สามารถช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก และด้วยเหตุนี้เอง สวัสดิการด้านสุขภาพจึงกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะนอกจากจะช่วยดูแลในยามจำเป็นแล้ว ยังสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับพนักงานได้อีกด้วย

นอกจากประกันสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลแล้ว องค์กรยังสามารถส่งเสริมสุขภาพทั้งกายและใจของพนักงานได้ในหลายรูปแบบ เช่น

  • ส่งเสริมการออกกำลังกาย: เช่น การให้สิทธิ์เข้าใช้ฟิตเนสฟรี หรือจัดกิจกรรมให้พนักงานชวนกันไปออกกำลังกายร่วมกัน
  • ส่งเสริมการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: เช่น การให้ส่วนลดกับร้านอาหารสุขภาพ หรือส่งเสริมวัฒนธรรมการกินที่ดีผ่านแคมเปญหรือกิจกรรมต่าง ๆ
  • ดูแลสุขภาพจิตใจ: เช่น การมีระบบติดตามอารมณ์ประจำวัน การมีนักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ รวมถึงส่งเสริมให้หัวหน้าพูดคุยกับทีมอย่างใส่ใจมากขึ้น
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร: เช่น การจัดกิจกรรมร่วมกันในองค์กรเป็นประจำ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและช่วยให้เพื่อนร่วมงานได้เชื่อมโยงกันมากขึ้น

ทุกวันนี้ การชวนให้พนักงานหันมาใส่ใจสุขภาพไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือดี ๆ อย่างโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ (Wellbeing Program) ที่ช่วยให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่าย สนุก และทำได้จริงมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แอปฯ SAKID Happiness & Health Tool ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยติดตามข้อมูลด้านสุขภาพของพนักงาน พร้อมกับฟีเจอร์ “สะกิด” ที่จะมอบหมายภารกิจเล็ก ๆ ที่ส่งเสริมพฤติกรรมดี ๆ แบบไม่รู้ตัว เช่น ท้าให้เดินครบ 10,000 ก้าวต่อวัน ลองกรอกข้อมูลอาหารที่กินให้ระบบวิเคราะห์ หรือชวนงดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาหนึ่ง

เมื่อทำภารกิจสำเร็จ ก็จะได้รับ “คอยน์” เอาไปแลกรางวัลสนุก ๆ อย่างส่วนลดร้านอาหาร ร้านค้า หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ ได้อีกด้วย วิธีนี้ช่วยให้การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือยากเกินไป แต่กลายเป็นเรื่องสนุก คล้ายกับการเล่นเกมที่มีของรางวัลรออยู่ ซึ่งทั้งช่วยให้พนักงานรู้สึกมีกำลังใจ และยังสร้างบรรยากาศดี ๆ ภายในทีมอีกด้วย

 


 

5. ค่าตอบแทนพิเศษ (Incentive) และรางวัล

สำหรับคนทำงานยุคนี้ ค่าตอบแทนที่ “สะท้อนความสามารถและความทุ่มเท” คืออีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะถ้าพวกเขาทำงานหนักกว่าปกติ หรือนำทีมไปสู่ความสำเร็จ ก็ย่อมคาดหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนที่มากกว่าเงินเดือนพื้นฐาน การได้รับ “ค่าตอบแทนพิเศษ” หรือ Incentive จึงกลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้รู้สึกว่า “องค์กรเห็นความตั้งใจของเรา”

Incentive เป็นได้ทั้งแรงจูงใจและเครื่องยืนยันว่า พนักงานไม่ได้พยายามอยู่คนเดียว หากบริษัทให้รางวัลอย่างยุติธรรมตามผลงานจริง ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง และอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ในแบบที่วัดกันด้วยผลลัพธ์ มากกว่าการเข้าออฟฟิศตามเวลา

นอกจากการให้เงินเป็นรางวัลแล้ว หลายบริษัทก็เริ่มใช้วิธีสนุก ๆ อย่างระบบสะสมแต้มหรือของรางวัลอื่น ๆ เข้ามาเสริมแรงบันดาลใจ ซึ่งตอนนี้หลายองค์กรใหญ่ในต่างประเทศใช้ระบบที่เรียกว่า “Employee Recognition and Rewards” ที่ให้รางวัลตาม Performance แบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแต้มแลกของขวัญ, Gift Card หรือสิทธิพิเศษในแพลตฟอร์มดัง ๆ อย่าง Amazon หรือร้านแบรนด์ต่าง ๆ

ระบบพวกนี้จัดการง่ายขึ้นด้วยแพลตฟอร์มสำเร็จรูป เช่น Worktango หรือ Nectar ที่องค์กรสามารถตั้งค่าได้เองแบบไม่ต้องยุ่งยากมากนัก ส่วนในไทยเองก็มีแอปฯ อย่าง SAKID ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้พนักงานดูแลสุขภาพตัวเอง พร้อมมีระบบภารกิจและของรางวัลให้เหมือนกัน

การให้ Incentive หรือรางวัลต่าง ๆ ไม่ได้แค่ทำให้พนักงานรู้สึกดี แต่ยังช่วยให้พวกเขารู้สึกว่า “เราไม่ได้พยายามอยู่คนเดียว” เพราะมีองค์กรที่มองเห็นความตั้งใจอยู่ข้างหลังจริง ๆ

 

ทั้งหมดนี้คือ 5 สวัสดิการสุดเจ๋งที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทำงานยุคใหม่ แต่ยังช่วยให้องค์กรสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพนักงานได้ในระยะยาว เพราะในวันที่เงินเดือนดีอย่างเดียวไม่พอ การมีสวัสดิการที่เข้าใจชีวิตจริง คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจว่าอยากอยู่ที่ไหนนาน ๆ
บทความนี้เป็นความร่วมมือสุดพิเศษจาก WorkVenture x SAKID ที่อยากชวนทุกคนมองเห็นมุมใหม่ของ “สวัสดิการที่ใส่ใจจริง ไม่ใช่แค่ของแถม” เพราะเรารู้ดีว่าคนทำงานยุคนี้ต้องการมากกว่าแค่ตัวเลขในบัญชี ท้ายที่สุด เราเชื่อว่าสวัสดิการที่ดีไม่ได้เป็นแค่สิ่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร แต่คือหัวใจสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่น่าอยู่ และถ้าองค์กรไหนสามารถออกแบบสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ให้ตอบโจทย์คนในทีมได้จริง ก็เท่ากับกำลังวางรากฐานที่มั่นคงให้การเติบโตของทั้งองค์กรและพนักงานไปพร้อมกัน

 

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง