เคยสงสัยไหม? คนที่ประสบความสำเร็จทำอะไรกันนอกเวลางาน
การทำงานมักเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณไปเพราะในหนึ่งวันพนักงานต้องทำงานวันละหลาย ๆ ชั่วโมง การให้เวลากับตัวเองได้หยุดพักหลังจากการทำงานบ้าง เป็นสิ่งที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาพักเบรคระหว่างการทำงาน หลังจากเลิกงาน หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในการทำงานคุณต้องรู้จักการแบ่งเวลา และใช้ชีวิตแบบมี Work - Life Balance เพื่อทำให้ชีวิตการทำงานของคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น และควรใช้เวลาไปกับสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมหน้าที่การงานของคุณ วันนี้ WorkVenture มีคำแนะนำดี ๆ เพื่อเป็นแนวทางว่าควรใช้เวลาช่วงไหนบ้างเพื่อผ่อนคลาย มาดูกันดีกว่า
1. ใช้เวลาไปกับการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม เพราะการใช้เวลาไปกับการทำงานมากจนเกินไปทำให้คุณมีเวลาใช้ชีวิตน้อยลง ดังนั้นคุณจึงอยากใช้เวลาที่มีไปกับการทำสิ่งที่ชอบ เช่น การช้อปปิ้ง การนอนตลอดทั้งวัน หรือการดูทีวี จนในบางครั้งคุณอาจละเลยการออกกำลังกาย
ซึ่งการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่นอกจากจะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ความมั่นใจ และความยืดหยุ่น ทั้งในเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ หากอยากเพิ่ม productivity ในการทำงาน คุณสามารถลองใช้เวลาว่างไปกับการขยับร่างกายดูได้
2. หาแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการออกไปข้างนอก
การหาแรงบันดาลใจจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นเคย โดยการพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เช่น เดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์ หรือไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด จะช่วยปลดล็อคสมองของคุณและช่วยให้คุณสามารถหาวิธีแก้ปัญหาในบางเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้อีกด้วย
การได้พักผ่อนด้วยการอยู่ในสถานณ์ที่แปลกใหม่หรือทำกิจกรรมร่วมกับคนใหม่ ๆ ย่อมทำให้คุณได้รับไอเดียร์หรือประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น จนสามารถนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาปรับใช้ในงานได้ เพราะในบางครั้งที่อยู่ในสถานณ์ที่เดิม ๆ อาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อและเครียดจนเกินไป ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้คุณลองใช้เวลาด้วยการออกไปข้างนอกดูบ้าง
3. ใช้เวลากับธรรมชาติ
คุณเคยได้ยินคำว่า “Nature deficit disorder” หรือโรคขาดธรรมชาติบ้างไหม? วลีนี้ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย Richard Louv ซึ่งกล่าวถึงพฤติกรรมการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของเรา ซึ่งเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมในหลาย ๆ ด้าน เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำทุกอย่างได้ดีและเป็นไปอย่างที่เราต้องการเสมอ ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่คุณต้องนั่งทำงานอยู่ที่เดิมตลอดทั้งอาทิตย์โดยไม่ได้เปลี่ยนบรรยากาศเลย จะทำให้คุณรู้สึกเครียด เบื่อ และอาจหมดไฟในการทำงาน ซึ่งการหาเวลาเพื่อ “ถอดปลั๊ก” ในวันธรรมดาหรือวันหยุดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะการไม่ใช้เครื่องมือสื่อสาร ไม่มีไวไฟ ไม่มีการติดต่องานผ่านอีเมล และไม่ใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ แต่ออกไปใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติแทน จะทำให้ร่างกายและจิตใจของคุณได้พักผ่อนและตัดขาดสิ่งรบกวนได้อย่างดี
4. หาช่วงเวลาพักเบรคระหว่างการทำงาน
การนั่งทำงานตลอดทั้งวันจะทำให้คุณรู้สึกเครียดและบางครั้งอาจทำให้งานของคุณไม่ก้าวหน้า การหาเวลาเพื่อพักสมองจากการทำงานบ้างจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ดี ๆ ในที่ทำงานอีกด้วย เพราะการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ การรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยคุณเริ่มจากการ
- พูดคุยระหว่างพักเบรคกับเพื่อนร่วมงาน อย่างเช่น "วันนี้อากาศดีนะ" หรือ "ในวันหยุดที่จะถึงนี้คุณมีแพลนจะไปเที่ยวที่ไหนไหม"
- หาสถานณ์ที่ใกล้ ๆ ออฟฟิศ เพื่อเดินเล่น นั่งพักผ่อน ด้วยการชวนเพื่อนร่วมงานไปด้วยเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง
การช่วงเวลาพักเบรคระหว่างการทำงาน นอกจากจะรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมงานและตัวคุณแล้ว ในบางครั้งยังช่วยเพิ่มไอเดียในการทำงานได้อีกด้วย เพราะในบางครั้งไอเดียร์เจ๋ง ๆ มักมาจากเพื่อนหรือคนรอบตัวเรา
5. ใช้เวลาไปกับการพักผ่อนให้เต็มที่
หลาย ๆ คนต่างรู้ว่าในแต่ละวันสำหรับการทำงานนั้น มักใช้พลังงานสมองและพลังงานร่างกายเป็นอย่างมาก การพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้เลยทีเดียว เพราะหากคุณพักผ่อนน้อยจะส่งผลให้บางครั้งคุณทำงานได้ไม่รอบคอบ ไม่มีไอเดียร์ในการทำงาน หรือหงุดหงิดง่าย
การใช้เวลาเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่จะช่วยทำให้คุณพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างมีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพเพื่อพร้อมสำหรับการออกไปพิชิตเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาด ความมั่นใจ ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการตัดสินใจของเรานั้นสร้างได้ง่าย ๆ ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
6. ลงเรียนคลาสต่าง ๆ และลงทุนกับตัวเอง
การเรียนเพื่อพัฒาทักษะต่าง ๆ ที่มีอยู่หรือเรียนเพื่อหาทักษะใหม่ ๆ เพิ่มเติมจะสามารถทำให้คุณหาประสบการณ์ ความรู้ และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงคลาสเรียนเวิร์คชอปการแสดง เรียนต่อในระดับปริญญาโท หรือคลาสอบรบต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจหรือเรื่องงานย่อมมีประโยชน์ต่อตัวคุณทั้งนั้น คนที่ประสบความสำเร็จมักรู้ว่าการลงทุนกับตัวเองจะพาตัวเราไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
7. เริ่มดูแลตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหนหรือทำตำแหน่งอะไร คุณก็มีโอกาสจะเจอกับความเครียด ความไม่แน่นอน ความคิดที่คลุมเครือ หรือความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองให้ดีย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกไม่ดี หรือโดนรบกวนจิตใจด้วยเรื่องต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้น มักจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของงานและทำให้คุณรู้สึกเครียด ดังนั้นการดูแลตัวเองจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคุณสามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น
- หลีกเลี่ยงมลภาวะต่าง ๆ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่น่าอึดอัดใจ
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น แอลกอฮอล์ และบุหรี่
ซึ่งการใช้เวลาว่างเพื่อดูแลตัวเอง จะช่วยให้คุณมีพลังงานและความกระตือรือร้นพร้อมสำหรับการทำงานในทุกวันอย่างแน่นอน
การที่จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการจัดการตารางเวลาชีวิตให้ดี การที่คุณมีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการทำงาน จะทำให้คุณสามารถหาไอเดียร์ในการทำงานและหาวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น การใช้เวลาเพื่อดูแลตัวเองจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการทำงาน ทำให้คุณพร้อมที่จะออกไปท้าทายกับความสำเร็จในทุก ๆ วัน และทำให้คุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น