ข่าวสารใหม่ๆ | 13 August 2024

เจาะลึกถึง Insights คนทำงานตัวจริงที่ Osotspa ผ่านแคมเปญ ‘The Power Of Gentle Touch’ จาก Babi Mild

เมื่อเทรนด์การสร้างครอบครัวในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป คนยุคใหม่อยากมีลูกลดน้อยลงเรื่อย ๆ แนวคิดแบบเก่า ๆ อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอีกต่อไป สิ่งนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญของคนทำงานในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อแม่ และเด็ก รวมถึง แบรนด์สุดแข็งแกร่งของโอสถสภาอย่าง Babi Mild ก็เช่นกัน ที่ต้องรีบปรับกลยุทธ์ และหาแนวทางการทำงานใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถสื่อสารผลิตภัณฑ์ไปถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

WorkVenture เชื่อว่าต้องมีทั้งความท้าทาย และความน่าสนใจอีกมากมายอยู่เบื้องหลังการทำงานอย่างแน่นอน วันนี้จึงขอพาทุกคนมาลงลึกทุกประเด็นกับคุณ คุณสิริธนา เปรมปรีวรรณ Head of Personal Care Marketing - Babi Mild หรือพี่นา ที่ย้ำกับเราเสมอว่าเคล็ดลับความสำเร็จก็คือ ‘Teamwork’ นั่นเอง!



 

อยากให้แชร์สิ่งที่แบรนด์ Babi Mild ภูมิใจที่สุด

ทุกคนรู้จักว่าเบบี้มายด์เป็นแบรนด์แม่และเด็กที่อยู่คู่ครอบครัวไทยมานานถึง 30 ปี ซึ่งปัจจุบันตลาดแม่ และเด็กเติบโตขึ้นมาก มีการแข่งขันที่สูง แบรนด์จึงต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงเทรนด์  ไลฟ์สไตล์ ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

และเรายังมีการปรับ Brand Proposition ใหม่ ในคอนเซปต์ “พลังสัมผัสอันอ่อนโยนช่วยสร้าง EQ ที่ดีให้ลูก” ผ่านแคมเปญชื่อว่า “The Power Of Gentle Touch”
เพื่ออยากจะสื่อสารถึงความสำคัญของพลังสัมผัสอันอ่อนโยนของแม่ จากการทำกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ สูตรใหม่ให้เป็นออร์แกนิก 100% เพื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณแม่มอบให้ลูกน้อย   เป็นการตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคุณแม่รุ่นใหม่ทุกเซกเมนต์


การสร้างแคมเปญแต่ละครั้ง ทุกทีมจะมีสไตล์การคิดที่แตกต่างกันออกไป ในเคสของ Babi Mild ไอเดียครั้งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ไอเดียนี้เกิดขึ้นจากการทำวิจัยอย่างหนัก เพื่อให้เข้าใจความต้องการร่วมกันของคุณแม่ทุกเซกเมนต์ทั่วประเทศ ว่ามีแนวคิดต่อการเลี้ยงดูลูกในปัจจุบัน และในอนาคตแบบไหนบ้าง โดยคุณแม่ก็เน้นไปที่การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด พร้อมยังต้องการให้ลูกมีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม และเติบโตอย่างมีความสุข เพื่อสร้างเกราะป้องกันลูก ๆ จากปัญหามากมายในสังคม

เบบี้มายด์เลือกที่จะนำปัญหาการบุลลีที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเด็ก ๆ ในปัจจุบัน มาเป็นสิ่งที่สร้างไวรัล พร้อมปลุกกระแสคุณแม่ให้เห็นความสำคัญของสัมผัสที่อ่อนโยน ผ่านกิจวัตรง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อเสริมสร้าง EQ ให้ลูกน้อย ผ่านแคมเปญ “The Power of Gentle Touch”


แล้วคอนเซปต์ Babi Mild คืออะไร?

เบบี้มายด์เป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของแม่ โดยเน้นในเรื่องความอ่อนโยนสำหรับลูกน้อย ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกช่วงวัยของลูกน้อย และยังเป็นแบรนด์ที่เข้าใจ พร้อมสนับสนุนคุณแม่ในการมอบสัมผัสอันอ่อนโยน สานสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกให้แข็งแรง ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ได้เติบโต และนำไปสู่การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ที่ดี


อยากให้เล่าเคล็ดลับความสำเร็จของ Babi Mild 

อย่างแรกคือเน้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยได้อย่างรวดเร็ว และต้องไม่หยุดที่จะคิดค้นและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ผู้บริโภคมีการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมส่งเสริม และสนับสนุนคุณแม่ให้เสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อยทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ


อยากให้เล่าถึงความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนาแบรนด์ และผ่านมาด้วยวิธีไหน 

อย่างที่รู้กันดีว่าสภาพสังคมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ทำให้อัตราการมีลูกลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต ทิศทางของแบรนด์จะไม่จำกัดเฉพาะในกลุ่มแม่ และเด็กเท่านั้น แต่ได้ขยายฐานลูกค้าเพื่อให้เจาะกลุ่มใหม่ ๆ เช่น ผู้ใหญ่ที่มีความต้องการในเรื่องความอ่อนโยนซึ่งเป็นจุดแข็งของเบบี้มายด์อยู่แล้ว
สิ่งนี้จึงสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าในกลุ่มผู้ใหญ่ได้ดี


ในเวลาที่ต้องเผชิญปัญหาและความท้าทายในการทำงาน ทีมของเราตั้งแต่ หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน มีส่วนช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

โอสถสภาเป็นองค์กรที่ Teamwork แข็งแกร่งมาก ในแต่ละครั้งที่เจอปัญหา ทุกคนในทีมจะดึงศักยภาพของตัวเองออกมา เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาร่วมกัน และยังช่วยกันถอดบทเรียนเพื่อใช้สำหรับปรับปรุงการทำงานในครั้งต่อ ๆ ไป


แสดงว่าภายในทีมมีส่วนช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จสูงมาก แบบนี้ภาพรวมของการทำงานที่โอสถสภาเป็นแบบไหน

การทำงานในโอสถสภาส่งเสริมให้ทุกคนได้พัฒนาตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันในตลาดยุคปัจจุบัน ตรงนี้ทำให้เราสนุกกับการทำงานในการรับมือความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ

ในทีมเบบี้มายด์มีพี่ ๆ น้อง ๆ แทบทุก Gen ที่ถึงจะมีความคิดที่แตกต่าง แต่ก็ลงตัว เราเคารพในความคิดเห็นของทุกคน และเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ เพื่อให้เราสร้างสรรค์ผลงานที่ครีเอทีฟ และบรรลุทุก Goal ที่ตั้งไว้


อะไรคือรางวัลที่สำคัญที่สุดสำหรับคนทำงาน

รางวัลที่สำคัญที่สุดคือการได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สังคมที่เราอยู่ดีขึ้น ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการ หรือลด pain point ให้ผู้บริโภคได้ รวมทั้งสร้างสรรค์แคมเปญที่ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้แม่ทุกคน ได้เห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ


สุดท้ายแล้ว อยากบอกอะไรกับคนที่สนใจอยากร่วมงานกับโอสถสภาบ้างไหม

โอสถสภาเป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พัฒนาตนเองจริง ทุกคนจะได้ค้นพบศักยภาพที่ดีที่สุดของตนเอง และนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ โอสถสภาเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ และให้โอกาสทุกคนในการสร้างสรรค์ โดยมีหัวหน้างาน และเพื่อนร่วมงานที่พร้อมจะซัพพอร์ต และก้าวผ่านในทุกความท้าทายที่เข้ามา ทำให้รู้สึกสนุก และมีความสุขกับการทำงานในทุกวันจริง ๆ



 

จากบทสัมภาษณ์นี้ ชี้ให้เห็นเลยว่านอกจากความรู้ ความสามารถ และทักษะในการทำงานของแต่ละบุคคลแล้ว ‘โอกาส’ ทั้งในเรื่องโอกาสแสดงความสามารถ โอกาสได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ โดยไม่ปิดกั้น และโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะอย่างเต็มที่ โดยมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี มีคนในทีมที่คอยซัปพอร์ต ก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของงานทั้งสิ้น

ฟังคนทำงานตัวจริงเล่าถึงเบื้องหลังการทำงานที่ทั้งสนุก ท้าทาย และได้พัฒนาตัวเองในทุก ๆ มิติแบบนี้แล้ว ถ้าคุณคือคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่กำลังมองหาสิ่งเหล่านี้ในชีวิตทำงานอยู่ล่ะก็ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโอสถสภาได้เลย ที่นี่ 

 

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง