เคล็ดลับเกี่ยวกับการหางานที่ทำให้คุณต้องกลับมามองตัวเองอีกครั้ง!
ในที่สุด คุณก็ได้ตัดสินใจว่า ถึงเวลาเปลี่ยนงานแล้วล่ะ! แต่งานมันก็ไม่ได้หากันง่ายๆ เหมือนตอนตัดสินใจน่ะสิ เพราะการหางานส่วนใหญ่มักจะเป็นอะไรที่สับสนชวนงงแล้วก็น่ากลัว แต่โชคดีที่เราได้รู้เคล็ดลับบางอย่างมาจากบทความ “6 Insider Job Search Facts That’ll Make You Re-think How You’re Applying” ของ Adam Saven จากเว็บไซต์ The Muse ที่จะช่วยให้อะไรๆ มันดูเข้าใจง่ายขึ้น ลองมาดูกันดีกว่าค่ะ
1. งานที่เปิดรับส่วนใหญ่มักจะเป็นความลับ
มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรขนาดนั้น แต่ว่า 80% ของตำแหน่งที่เปิดรับอยู่นั้นมักจะไม่ได้โพสออกสื่อหรือลงเว็บไซต์ แต่มักจะมาจากเครือข่ายหรือ connection ที่คุณมี ดังนั้น นี่ก็หมายความว่า การหางานจากตามเว็บไซต์อย่างเดียวมันไม่เพียงพอ มันอาจจะเป็นช่องทางที่ค่อนข้างทั่วถึง แต่สำหรับบางงาน คุณต้องไปคุยกับใครสักคนถึงจะได้มาค่ะ
ดังนั้นเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองได้การออกมาอยู่ในโลกออฟไลน์บ้างนะคะ สำหรับก้าวแรกก็ลองคิดดูว่าคุณรู้จักใครบ้าง คุณอาจจะด้วยการสร้างลิสท์ของเพื่อนร่วมงานที่เก่า เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนร่วมทีมและลิสท์อื่นๆ ตามใจชอบ จากนั้นก็ติดต่อพวกเขาไปเพื่อขอคำแนะนำแบบไม่เป็นทางการ และเรียนรู้กับสิ่งที่พวกเขาทำเพิ่มเติม
ไม่โอเค: สวัสดี ฉันรู้มาว่าบริษัทของคุณกำลังเปิดรับสมัครงานอยู่ คุณจะช่วยหน่อยได้ไหม?
โอเค: สวัสดี ตอนนี้ฉันกำลังสนใจที่จะค้นหาวิธีใหม่ๆ ที่จะเติบโตและเรียนรู้อะไรให้มากขึ้น ถ้าไม่ลำบาก อยากคุยกันเรื่องประสบการณ์ของคุณได้ไหม?
2. การรู้จักใครข้างในนั้นจะช่วยให้คุณได้งาน
งานที่คุณตามหาอาจจะถูกโพสอยู่บนเว็บหางานหรืออยู่ในโลกออนไลน์ แต่คุณก็ไม่ควรจะหยุดแค่นั้นค่ะ เพราะด้วยความที่ผู้สมัครมีมากมาย บริษัทหลายๆ ที่ก็พึ่งพาเครือข่ายคนรู้จักของพนักงานตัวเองมากขึ้นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทที่อยากจะจ้างคนที่เข้าใจตรงกันและสามารถเข้ากันได้กับพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ 7% ของผู้สมัครจะได้รับการรับรองจากพนักงานปัจจุบัน แต่มีมากถึง 40% ของผู้สมัครเชียวนะคะที่ได้งานจากการรับรองของพนักงานปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าคุณรู้จักใครสักคนในนั้นที่จะพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับคุณได้ โอกาสในการได้งานของคุณก็จะสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยแหละ และก็โชคดีที่การขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้มักจะไม่ยากเท่าไหร่หรอกค่ะ
3. HR เขาจะไม่อ่าน resume ของคุณหรอก
คือจริงๆ เขาก็ดูแหละ แต่เขาจะไม่ค่อยอ่าน ส่วนใหญ่แล้ว HR จะใช้เวลาประมาณ 6 วินาทีในการดู resume ของคุณ ซึ่งก็หมายความว่า การมี resume อย่างเดียวไม่ได้แปลว่าคุณจะได้งาน แต่ resume แย่ๆ จะทำให้คุณอดได้งานแหงล่ะ!
ดังนั้น คุณต้องทำให้ resume ของคุณเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าลืมใส่ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง อย่าให้ยาวเกิน 1 หน้า และอย่าลืมตรวจเช็คความถูกต้องเรียบร้อยก่อนส่ง การมองผ่านๆ ของ HR อาจจะไม่ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณยอดเยี่ยมอย่างไร แต่ถ้าคุณทำอะไรผิดพลาดไปล่ะก็ พวกเขาจะเห็นอย่างแน่นอน
4. คนเป็นร้อยๆ กำลังสมัครตำแหน่งเดียวกันนี้
รู้ไหมว่าตำแหน่งที่เปิดรับส่วนใหญ่จะมีคนมาสมัครถึง 250 คนโดยเฉลี่ยเลยนะ! ดังนั้น คุณอาจจะอยากคิดให้ดีก่อนจะโยน resume ของตัวเองเข้าไปเป็นหนึ่งใน 250 นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เรารู้ว่าจำนวนมันฟังดูเยอะอย่างน่ากลัว แต่มันก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีนะว่าคุณควรจะทำอะไรกับ resume ของตัวเองบ้าง
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะส่งใบสมัครก็คือ มั่นใจก่อนว่าคุณอยากได้งานนั้นจริงๆ เพราะถ้าคุณไม่ได้มีความรู้สึกอยากได้งานมากมายขนาดนั้น คุณก็จะไม่มีความพยายามมากเพียงพอที่จะทำให้ resume ของตัวเองโดดเด่นขึ้นมาหรอกค่ะ (หรือคุณอาจจะเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการสมัครงานที่คุณเองก็ไม่ได้อยากจะทำ)
5. ขั้นตอนในการหางานมันจะยาวนานนนนน...(สำหรับทุกคน)
โดยเฉลี่ย มันจะใช้เวลา 52 วันที่จะเติมเต็มตำแหน่งงานที่เปิดว่าง ดังนั้น มันจะไม่ใช่ขั้นตอนที่เร็วนักหรอก และนั่นก็คือสิ่งที่คุณต้องจดจำไว้เมื่อเจอตำแหน่งอะไรที่น่าสนใจกำลังเปิดรับอยู่ มันจะดีกว่าถ้าคุณยอมเสียเวลาไม่กี่วันและส่งใบสมัครที่เพอร์เฟ็ค แทนที่จะทำทุกอย่างส่งๆ ไปโดยที่ไม่ได้แก้ไขอะไรให้มันเข้ากับงานหรือบริษัทที่คุณสมัครเลย
และก็อย่าลืมว่า คุณต้องมีความอดทนเมื่อสัมภาษณ์เสร็จและรอผลตอบรับกลับมา เรารู้ว่ามันฟังดูยากกว่าทำจริงๆ แต่มันคือกุญแจสำคัญจริงๆ ค่ะ
6. อีเมลง่อยๆ จะทำให้คุณไม่เหมาะสมที่จะทำงาน
อีเมลประเภท [email protected] หรือ [email protected] จะทำให้ใบสมัครของคุณไปอยู่ใน 76% ที่โดนโยนทิ้งเพราะว่าอีเมลมันดูไม่เป็นมืออาชีพ มันอาจจะฟังดูเยอะมาก แต่ข่าวดีก็คือ มันจะลดคู่แข่งของคุณจาก 250 คนที่อยากได้งานตำแหน่งเดียวกับคุณออกไปอีกยังไงล่ะ
ขอร้องเลยนะคะ อย่าใช้อีเมลสมัยประถมมาสมัครงานเด็ดขาด และก็อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าง ถ้าคุณใช้อีเมล [email protected] แต่คุณอยากจะเปลี่ยนสายงานไปทำอย่างอื่นดู อีเมลแบบนี้ก็อาจจะทำให้คุณชวดโอกาสนั้นไปก็ได้นะ
หลายๆ คนอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะท้อแล้ว แต่อย่าลืมว่าความรู้คืออำนาจค่ะ และเราหวังว่าเคล็ดลับพวกนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณในการหางานและได้งานในฝันที่คู่ควรกับคุณนะคะ