ยูนิชาร์ม ผลักดันพลังของคนให้แข็งแกร่ง สู่การทํางานที่อ่อนโยน
เชื่อเลยว่าทุกคนคงรู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้เห็นตัวการ์ตูนสีขาวผมสามจุกที่มีรอยยิ้มแสนอบอุ่นหรือได้ยินเสียงเด็กน้อยพูดอย่างน่ารักน่าชังว่า “มามี่โพโค” ก็รู้ได้ทันทีว่าสินค้านั้นคือผ้าอ้อมเด็ก หรือจะเป็นวลี “โซฟี แบบกระชับ” ก็ทําให้นึกถึงสินค้าของผู้หญิงที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่กับคนไทยมานานหลายปีแต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสินค้าเหล่านี้ได้ผ่านกระบวนการในการคิดสร้างสรรค์และการผลิตที่พิถีพิถันจนนําไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนโดยบริษัทใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ยูนิชาร์ม (Unicharm)” ซึ่งที่นี่มีความโดดเด่นในการทํางานและการพัฒนาคนอย่างมืออาชีพ
เนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ของยูนิชาร์มไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมเด็กมามี่โพโค ผ้าอนามัยสตรีโซฟี หน้ากาก 3D Mask หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงและผู้สูงอายุต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือเพื่อสนับสนุนให้ทุกชีวิตง่ายขึ้นด้วยความอ่อนโยนจากผลิตภัณฑ์ที่ดี ดังนั้นยูนิชาร์มจึงได้ใช้แนวทาง "สร้างความอ่อนโยน ด้วยคนที่แข็งแกร่ง" มาเป็นจุดคิดสําคัญในการบริหารงานและพัฒนาคน นอกจากนี้ยูนิชาร์มยังเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นให้ความสําคัญในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพทั้งความรู้ในการทํางานและทักษะในการอยู่ร่วมกัน แล้วยังรวมไปถึงความตั้งใจที่จะมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่สังคมซึ่ง WorkVenture เห็นว่ารูปแบบการทํางานของที่ยูนิชาร์มนั้นมีความโดดเด่นจริง ๆ จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลย
ผลักดันพนักงานให้แข็งแกร่งเพื่อให้พร้อมสนับสนุนผู้อื่น
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของยูนิชาร์มจะมุ่งเน้นการให้สัมผัสที่อ่อนโยน แต่ยูนิชาร์มก็เข้าใจดีว่าสินค้าที่เป็นเลิศต้องเริ่มจากการทําภายในให้แข็งแกร่งเสียก่อน นั่นก็คือการพัฒนาคนของยูนิชาร์มจะต้องทําให้มีความแข็งแกร่งทั้งกายและใจเหมือนดั่งสโลแกน "สร้างความอ่อนโยน ด้วยคนที่แข็งแกร่ง" คําว่าคนที่แข็งแกร่งในตรงนี้ไม่ได้หมายถึงคนที่ยกของได้หนัก ๆ นะ แต่ยูนิชาร์มเขาหมายถึงคนที่สุขภาพกายและใจที่ดี มีความรู้ความสามารถพร้อมในการทํางานด้วย ดังนั้นยูนิชาร์มจะมุ่งเน้นไปที่การจัดบรรยากาศของการทํางานให้มีความท้าทายอยู่เสมอ ความท้าทายในที่นี้คือความท้าทายที่จะคิดหาไอเดียใหม่เพื่อนํามาฝึกงาน ลองปฏิบัติเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ใหม่ ๆ สร้างกําลังใจเปิดโอกาสให้พนักงานในทุกระดับได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้พนักงานเกิดความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงความสามารถของตัวเองอยู่เสมอ
โดยสิ่งที่ยูนิชาร์มได้ลงมือปฏิบัติจริงก็คือการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรแบบ Ho-Ren-So โดยให้ลูกทีมทุกคนสามารถแบ่งปันความคิดเห็นให้กับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมแบบ scrum เรียกว่า OODA ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกของแต่ละทีมสามารถรับฟังความคิดเห็นของแต่ละคนได้ในทุกสัปดาห์และที่ยูนิชาร์มยังจัดประชุมพิเศษที่ให้พนักงานบางกลุ่มสามารถเข้าฟังประชุมของผู้บริหารได้ เพื่อจะได้รับประสบการณ์จากฝ่ายบริหารว่าพวกเขาคิดกันอย่างไรวางแผนกันอย่างไรเพื่อให้เรามีความเข้าใจผู้บริหารและเพื่อนพนักงานด้วยกันมากขึ้น บางทีเราคงมีคําถามกันบ้างว่าทําไมคนนั้นทําอย่างนั้น ทําไมคนนี้ทําอย่างนี้ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปเมื่อองค์กรเปิดโอกาสให้เราได้มีโอกาสในการทําความเข้าใจมากขึ้น พร้อมกันนี้ยูนิชาร์มยังได้จัดทํา Unicharm Way หรือประมวลความรู้ที่พนักงานของยูนิชาร์มจะสามารถนํามาใช้เป็นในการทํางานและการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งจะช่วยให้ยูนิชาร์มทั่วโลกมีวัฒนธรรมการทํางานที่เป็นอย่างหนึ่งอันเดียวกันด้วยเพื่อให้คนทั้งองค์กรเข้าใจรูปแบบในการทํางานของกันและกัน
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการเข้าใจผู้อื่นในที่ทํางานส่งผลให้ยูนิชาร์มมีความมุ่งหวังที่จะสร้าง ‘Kyosei life’ หรือสังคมแห่งการดํารงอยู่ร่วมกัน นั่นก็คือเมื่ออยู่ในบริษัททุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการประชุม การออกความคิดเห็นรวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของทางยูนิชาร์มไม่ว่าจะเป็นการจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่หรืองานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ ของบริษัท และการอยู่รวมกันกับผู้อื่นนี้ไม่ใช่แค่เพียงในบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชีวิตของพนักงานกับสังคมรอบตัวอีกด้วย โดยยูนิชาร์มได้ส่งเสริมการสร้างสังคมที่ดีในแบบต่าง ๆ เช่นการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในช่วงที่ผ่านมาและยังมีโครงการที่ช่วยเหลือสังคมไทยอีกมากมายเลย
สู่การทํางานอย่างอ่อนโยนในสไตล์ยูนิชาร์ม
หนึ่งในระบบการทํางานที่ยูนิชาร์มใช้ในการพัฒนาผู้คนก็คือ “Kyoshin System” หรือการบริหารแบบสั่นพ้องที่ทุกคนต่างก็เป็นเสียงกังวาลที่สั่นพ้องต้องกันไป โดยในระบบนี้เป็นการพัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากรผ่านการพูดคุย ให้คนในหลายระดับได้พูดคุยกันและเห็นความสําคัญในงานที่แต่ละคนมีหน้าที่รับชอบ ทุกความคิดเห็นและการตัดสินใจของทุกคนได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่า โดยมีจะการให้ฟี ดแบ็กเพื่อนํากลับมาพิจารณารวมไปถึงการเรียนรู้ที่จะแก้ไขในจุดที่พลาดเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ความสั่นพ้องกันนี้ยังทําให้ได้เห็นว่าทุกตําแหน่งอาจจะไม่ต้องเป็นลําดับแบบบนลงล่างเสมอไปเพราะทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน ที่ยูนิชาร์มถึงได้ให้ความสําคัญกับความเท่าเทียม การคํานึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ ก้าวข้ามกําแพงการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกบริษัทด้วยความรู้สึกถึงการทํางานที่ร่วมมือกันที่นี่จึงเปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัยได้เข้ามาทํางาน กล่าวคือรูปแบบการทํางานของยูนิชาร์มจะเน้นเรื่องความเท่าเทียมในการแสดงความเห็น ช่วยให้เราเข้าอกเข้าใจผู้อื่น กลายทําคนที่สามารถทํางานได้อย่างอ่อนโยน
ความโดดเด่นของการทํางานที่ยูนิชาร์มคือการที่ยูนิชาร์มเป็นทั้งผู้ผลิตและเป็นผู้จําหน่ายด้วยตัวเองทําให้มีพนักงานที่หลากหลายมาอยู่ด้วยกัน ทั้งในฝ่ายการผลิตและฝ่ ายของพนักงานออฟฟิศที่มีหน้าที่ในการช่วยส่งมอบสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด ทําให้คนจากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ช่วงนี้การผลิตล่าช้า หรือต้องปรับเปลี่ยนแผนการส่งของจะทําอย่างไร
แล้วที่ยูนิชาร์ม เขามีการดูแลพนักงานกันอย่างไรบ้าง
พูดถึงหลักการทํางาน ต้องบอกเลยว่ายูนิชาร์มเป็นองค์กรสมัยใหม่ที่ได้ปรับตัวเพื่อพัฒนาพนักงานให้มีคุณภาพ ทําให้พนักงานสามารถมีความรู้เพียงพอต่อการทํางาน แต่ในเรื่องกําลังใจของพนักงานก็มีความสําคัญไม่แพ้กัน โดยยูนิชาร์มได้ผลักดันให้สวัสดิการต่าง ๆ ที่เป็นการช่วยเหลือและให้ความสําคัญกับพนักงาน รวมถึงคนสําคัญของพวกเขาเหล่านั้นให้มีสุขภาพที่ดีเพื่อให้พร้อมต่อการทํางาน ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพอย่างละเอียดสําหรับพนักงานทุกคนและเมื่ออายุมากขึ้นก็จะเพิ่มการตรวจเฉพาะจุดให้เหมาะสมกับสุขภาพของพนักงานให้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลให้ตัวเองสูงสุดถึง 30,000 บาทและยังเบิกไปถึงพ่อแม่ได้อีกด้วย และสําหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะได้รับเงินของขวัญในการคลอดบุตรสูงถึง 5 พันบาทแล้วยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อผ้าอ้อมมามี่โพโคราคาพิเศษเต็ม ๆ ไปเลย 6 ปี ก็นับได้ว่าช่วยพนักงานประหยัดไปได้เยอะมาก ๆ เพราะว่าหากพนักงานสุขภาพไม่ดีหรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายคงไม่มีสมาธิทํางานแน่ ๆ
แต่ถ้าใครยังไม่ได้เป็นพ่อแม่มือใหม่ก็มอบโอกาสในการลาพักร้อนได้สูงกว่าที่กฎหมายกําหนด โดยพนักงานมีสิทธิ์ลาพักร้อนได้สูงสุดถึง 12 วันต่อปี โดยถ้าไม่ได้ใช้วันลาเลยก็สามารถนําไปสมทบในปีถัดไปได้เช่นเดียวกันซึ่งสามารถสบทบได้มากถึง 1 ปี แบบนี้เที่ยวได้สบายใจหายห่วง นอกจากนี้ยังมีวันลาอื่น ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นลาเพื่อแต่งงานได้สูงสุดถึง 5 วัน หรือจะเป็นลาบวชเพื่อพักใจก็ได้เช่นกัน โดยในวันเกิดของพนักงานก็มีของขวัญเป็นเงินมอบให้โดยล่าสุดก็ได้มีการแจกข้าวกล่างที่ทําจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นของขวัญวันเกิดให้พนักงานทุกคน และยูนิชาร์มยังช่วยจัดงานวันเกิดให้อีกด้วย หากทํางานครบ 15 ปีขึ้นได้รับไปเลยทองคําหนัก 1 บาท
สิ่งที่พิเศษมาก ๆ สําหรับการทํางานที่ยูนิชาร์มคือที่นี่มีการจัดงานเลี้ยงเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อสานความสัมพันธ์กัน เช่น Scrum dinner ซึ่งเป็นการกินเลี้ยงภายในทีมทุกเดือน เพื่อให้เราสามารถพูดคุยกัน ผ่อนคลายจากการทํางาน หรือจะเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ซึ่งมีของขวัญให้พนักงานด้วยนะ การจัดกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นและมองเห็นด้านอื่น ๆ ของเพื่อนร่วมงานเช่น โหมดปาร์ตี้ ที่ทุกคนได้มีโอกาสมาสนุกสนานกันนอกเหนือจากเรื่องงานด้วย ทําให้ทุกคนไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและยังรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท อย่างช่วงนี้ยังมีโควิดอยู่ ยูนิชาร์มก็มีส่งของขวัญแทนความห่วงใยไปถึงพนักงานที่ Work from home และยังมีแพลนที่จะจัด Online Dinner เพื่อให้พนักงานที่ทํางานอยู่บ้านได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย จะได้ไม่มีใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยว เห็นถึงความใส่ใจขนาดนี้จะไม่อยากทํางานที่ยูนิชาร์มได้อย่างไร