พิชิตงานในฝันไปกับเหล่า Job Seeker
สวัสดี เหล่าผู้หางานทั้งหลาย รู้นะว่ากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ อยากบอกว่า..คุณมาถูกที่แล้วล่ะ !!
เพราะเรามีทุกคำถามที่คุณปรารถณา ทั้งตัวอย่างเรซูเม่ จดหมายแนบ และเทคนิคการสัมภาษณ์ รับรองได้เลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
Chapter 1:
สร้างจรวดมุ่งสู่งานที่มั่นคง
การหางานนั้นเป็นเรื่องอยากแม้คุณจะมีจุดมุ่งหมายที่มั่นคง ไม่ต้องพูดถึงเมื่อคุณยังไม่มีเป้าหมายนั้นนะ การคิดว่าจะทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีวิตนั้นเป็นเรื่องยากมากทีเดียว “ทุกคนมีความเก่งกาจเฉพาะตัว” (รวมถึงคุณด้วย) และไม่ว่าคุณจะหลงทางในการทำงาน หรือกำลังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนงาน ไม่ต้องห่วงเรามาช่วยคุณแล้ว
หากคุณกำลังรู้สึกหลงทาง ไม่รู้ว่างานอะไรกันแน่ที่คุณกำลังมองหา
เราขอแนะนำว่าให้ค้นคว้าและเขียนรายชื่องานที่คุณชอบ มันช่วยได้มากหากคุณมีสิ่งที่คุณอยากทำจริง ๆ ลองสร้าง Mind Map ของตัวเอง จากนั้นใส่สิ่งที่คุณเชี่ยวชาญใส่ลงไป อาจจะเป็นนิสัยและบุคลิกส่วนตัว เมื่อเสร็จแล้ว วิเคราะห์และพัฒนาสิ่งที่คุณใส่ลงไปซะ อ๋อ! และอย่าลืมประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณเคยทำด้วยล่ะ มันช่วยได้มากเลยล่ะ
ถ้างานของเราไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียนมาเลย ทำยังไงดี ?
หากคุณเป็นนักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ขอแนะนำว่าคุณต้องพัฒนาตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายในการสร้างประสบการณ์อะไรซักอย่าง เรียนรู้ทักษะผ่านการอ่าน ฝึกงานซักงานสองงาน ทำจิตอาสาซักหน่อย งานอิสระซักนิด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องง่ายจริงๆ นั้นแหละ เพียงแค่ทำสิ่งง่าย ๆ เหล่านี้คุณก็จะมีประสอบการณ์ไว้ประกอบเรซูเม่คุณแล้ว
แล้วเราจะหางานได้จากไหน
ในอินเตอร์เน็ตมีงานเป็นจำนวนมากรอคุณอยู่ เข้าไปหาพวกมันสิ ตั้งแต่ในเว็บหางานจนถึงเว็บไซต์ของบริษัทเอง หากพวกเขาไม่มีงานในนั้น ลองส่งอีเมล์ไปหาพวกเขาดูว่าคุณสนใจ หากคุณต้องการที่จะทำงานสายตรงกับที่คุณเรียนมาก ลองไปถามแผนกแนะแนวของมหาวิทยาลัยหรือคณะของคุณดูสิ หรือถามหาคำแนะนำจากอาจาร์ยของคุณก็ได้ เพื่อนฝูง พี่น้องก็เป็นวิธีที่ดี ลองถามพวกเขาดู
Chapter 2 :
ไม่ลืมสร้างเรซูเม่ที่สมบรูณ์แบบ
เรซูเม่ก็เปรียบเหมือนตัวแทนของเราในการแนะนำตนเองให้แก่เหล่านายจ้างทั้งหลาย ถึงอย่างนั้น หลาย ๆ คนก็ยังคงปวดหัวกับการสร้างเรซูเม่ แต่ไม่ต้องกังวลไป !! คุณแค่ต้องทำตามคำแนะนำของเราเท่านั้น แล้วการเขียนเรซูเม่ของคุณจะมีความสุขขึ้นมาทันที
เรซูเม่ของเราควรจะยาวแค่ไหนกัน ?
มันไม่มีคำตอบที่แน่นอนหรอก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ ขอบเขตงาน ประเทศที่จะไปทำงาน ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบัน เรซูเม่เพียงหน้าเดียวก็สามารถทำให้คุณโดดเด่นกว่าใครเพื่อนได้แล้ว เพราะอะไรรู้ไม่ ก็เพราะเหล่าคนคัดเลือกไม่มีเวลามากพอที่จะดูเรซูเมหลายๆหน้ายังไงล่ะ ที่สำคัญนะ พวกเขามีเรซูเม่อีกเป็นร้อยที่ต้องจัดการ ถ้าหน้าแรกของคุณไม่โดนใจพวกเขา มันก็แน่นอนว่าพวกเขาก็มักที่จะไม่อ่านส่วนเหลือของคุณ โดยเฉลี่ยแล้ว คุณมีเวลาเพียง 6 วินาที ที่จะจับความสนใจพวกเขา คุณต้องเคลียร์และแน่นอน ใส่ไปแน่ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดเท่านั้น คุณยังสามารถให้ข้อมูลอื่น ๆ ได้ในตอนสัมภาษณ์ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ !! หากคุณมีข้อมูลที่คุณคิดว่าน่าสนใจเป็นจำนวนมาก อย่าบีบมันให้เหลือตอนนิดเดียว หรือเขียนติดกันเป็นไม้กระดาน ข้อมูลพื้นฐานที่คุณควรมีคือ ข้อมูลติดต่อ ประวัติความสำเร็จต่าง ๆ การศึกษา ประสบการณ์ จิตอาสา ทักษะ และรางวัลต่าง ๆ
เราควรที่จะตกแต่งเรซูเม่อย่างไรดีล่ะ ?
คำตอบนั้นมีสองด้าน โครงสร้างและรูปแบบ โดยปกติหากคุณใส่ข้อมูลติดต่อและประวัติไว้ด้านบน ตามมาด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ประสบการณ์ที่น่าสนใจที่สุดควรที่จะมาก่อน และไล่ลงมาตามการเกี่ยวข้องของงาน สิ่งควรรวมถึงการศึกษาและทักษะต่าง ๆ ของคุณด้วย ในส่วนของรูปแบบ ให้ลืม Microsoft Word ไปได้เลย มันไม่ใช่ไม่ดี คุณสามารถสร้างเรซูเม่สุดสวยได้โดยใช้ Microsoft Word แต่มันต้องแลกมาด้วยเวลา และทักษะในการใช้มัน ทางที่ดีลองใช้โปรแกรมสร้างเรซูเม่สำเร็จรูปอย่าง Kickresume ง่ายและจบ
เราควรใช้คำแบบไหนดีล่ะ ?
ระวังการใช้คำของคุณให้ดี คำเก่า ๆ ที่เคยฮิตเมื่อสมัยคุณพ่อจีบคุณแม่ควรจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ในปัจจุบันมีคำหลายคำที่จะทำให้คุณดูเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ ลองหาคำเหล่านั้นจากคำอธิบายงานดูสิ ลองอ่านมันหลาย ๆ ครั้ง หา Keyword และใช้มันซ้ำ ๆ ในเรซูเม่ของคุณ มันจะทำให้ผู้อ่านจับคำเหล่านั้นได้ รวมถึงโปรแกรมที่คอยกรองเรซูเม่เหล่านั้นด้วย โดยโปรแกรมเหล่านี้มักถูกใช้ในบริษัทใหญ่ ๆ เพื่อกรองเรซูเม่โดยดูจาก Keyword เป็นหลัก
คำแบบไหนที่ห้ามใส่ในเรซูเม่
คำบางคำก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคำที่ถูกใช้มากๆจนดูน่าเบื่อ (ทำงานหนัก, มีความคิดสร้างสรรค์, มีความทะเยอทะยาน) คำเหล่านี้ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย
เราควรใส่จุดมุ่งหมายในอาชีพไว้ด้วยรึเปล่า
อย่างที่เราบอก ทำเรซูเม่ของคุณให้เคลียร์และตรงที่สุด เอาข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก รวมถึงจุดมุ่งหมายในอาชีพด้วย มันไม่ช่วยอะไรนอกจากทำให้เรซูเม่ของคุณรกรุงรัง แต่ !! บางประเทศอย่าง อังกฤษ การใช้จุดมุ่งหมายในอาชีพก็ยังคงจำเป็นอยู่ คุณควรจะใส่มันไว้ก็ต่อเมื่อ คุณไม่มีประสบการณ์ใดๆเลย, คุณเปลี่ยนอาชีพ, หรือคุณมีช่วงว่างงานเป็นเวลานาน
ถ้าไม่มีประสบการณ์เลย จะทำยังไงดี
นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะหางานไม่ได้ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดูสิ ใช้ทักษะของคุณให้เป็นประโยชน์ : ใช้ทักษะที่คุณได้มาในมหาวิทยาลัยหรือจากประสบการณ์ต่าง ๆ ของคุณให้เป็นประโยชน์กับงาน โดยทาง WorkVenture มีระบบอย่าง WorkScore ที่จะช่วยจับความสามารถของคุณกับงานที่ใช่ได้ทันที
เขียนสรุปตัวตนของคุณ : เขียนสรุปตัวตนของคุณไว้ในเรซูเม่ ใช้คำที่จับความสนใจ แสดงความทะเยอทะยานของคุณผ่านตัวหนังสือเหล่านั้นซะ
ทำให้เรซูเม่ของคุณมีความเป็นคุณ : ให้เหล่า HR รู้ว่า ถึงแม้ว่าคุณไม่มีประสบการณ์ บุคลิคของคุณสามารถทดแทนมันได้
ใส่การฝึกงานและจิตอาสาต่าง ๆ เข้าไป : ทำให้คุณดูมีพลังและความตั้งใจ
เน้นกิจกรรมต่างๆของคุณ : สิ่งที่คุณทำในเวลาว่างของคุณบ่งบอกในสิ่งที่คุณเป็น ใส่แต่ประการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้นล่ะ
รูปแบบที่แตกต่าง : ทำให้เรซูเม่ของคุณต่างจากเรซูเม่น่าเบื่อข้าง ๆ ซะ
รูปสำคัญกับเรซูเม่แค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนมองว่าจะเป็นการดีซะกว่าที่ไม่ใส่รูปในเรซูเม่ของคุณ แต่หากงานของคุณต้องพึ่งรูปร่างหน้าตาของคุณหรือเป็นสิ่งที่คนในประเทศนั้น ๆ ทำกันอยู่แล้ว คุณก็ควรจะใส่รูปลงไปด้วย ประสบการณ์ ทักษะและความรู้ คือสิ่งที่จะพูดแทนตัวคุณ ไม่ใช่หน้าตา เพราะเหล่า HR จะเลือกที่จะมองแต่สิ่งเหล่านี้ รวมไปถึงสิ่งที่คุณจะนำมาให้บริษัทเท่านั้น ส่วนเรื่องรูป.. เหล่า HR เขาก็ต้องเห็นรูปของคุณจากอินเตอร์เน็ตอยู่แล้วล่ะ
หากเราต้องการสมัครงานในต่างประเทศล่ะ ? พวกเขาเขียนเรซูเม่ต่างจากพวกเรารึเปล่า ?
คุณควรที่จะค้นคว้าว่าประเทศที่คุณต้องการสมัครงานพวกเขาต้องการเรซูเม่แบบไหน เพราะเรซูเม่ที่อาจทำให้คุณได้งานในประเทศนี้ อาจถูกทิ้งในอีกประเทศนึงก็ได้
เราให้คนตรวจเรซูเม่ให้ดีรึเปล่า ?
เป็นความคิดที่ดีที่จะให้เพื่อนของคุณดูเรซูเม่ของคุณและวิจารณ์มันอย่างจริงจัง แม้ว่าความจริงมันอาจเจ็บปวดก็ตาม แต่..ถ้าคุณไม่มีเพื่อน ลองให้อาจาร์ยของคุณตรวจดูสิ หรือจะใช้บริการเว็บไซต์อย่าง Kickresume ก็ยังได้
เราให้คนตรวจเรซูเม่ให้ดีรึเปล่า ?
เป็นความคิดที่ดีที่จะให้เพื่อนของคุณดูเรซูเม่ของคุณและวิจารณ์มันอย่างจริงจัง แม้ว่าความจริงมันอาจเจ็บปวดก็ตาม แต่..ถ้าคุณไม่มีเพื่อน ลองให้อาจาร์ยของคุณตรวจดูสิ
เราไม่ควรใส่สิ่งใดไว้ในเรซูเม่
- คำเชย ๆ
- จุดมุ่งหมายในอาชีพ
- ไวทยากรณ์ผิด ๆ
- รูปของคุณ (ประเภทเซลฟี่นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย)
- “ข้อมูลอ้างอิงเมื่อต้องการ”
- สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง
Chapter 3 :
รู้จักพลังของจดหมายแนะนำตัว
จดหมายแนะนำตัวบอกตัวตนและความสามารถของคุณแก่เหล่า HR ได้เป็นอย่างดี แต่การเขียนมันยังเป็นประสบการณ์ที่น่าทรมานไม่น้อยทีเดียว ภายใน 500 คำ คุณต้องจับความสนใจของเหล่า HR ให้ได้ บอกว่าทำไมคุณต้องการงานนี้ ทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุด หากเขียนดี มันสามารถทำให้คุณได้งานของคุณได้ทันที
จดหมายแนะนำตัวควรจะยาวแค่ไหนล่ะ
ตามมาตรฐาน ไม่ควรที่จะยาวเกิน 1 หน้าและไม่เกิน 500 คำ สิ่งที่คุณต้องทำคือบอกให้มากที่สุด โดยใช้คำให้น้อยทีสุด และเหล่า HR ไม่ชอบอ่านตัวหนังสือยาว ๆ แบ่งย่อหน้ามันซะ
เราควรจัดรูปแบบมันอย่างไรดีล่ะ ?
แนะนำตัว : นี่คือจุดที่คุณจะใช้จับความสนใจของเหล่า HR และทำให้พวกเขาอ่านต่อไป หลีกเลี่ยงประโยคเช่น “มาสมัครงานในตำแหน่ง….” หรือ “สนใจงานนี้เพราะ….” บอกตรง ๆ ไปเลยว่าคุณต้องการอะไร เช่น “เราอยากทำงานในบริษัท….. เพราะเชื่อว่าความหลงใหลของฉันนั้น (ทักษะที่เกี่ยวกับงาน) จะเหมาะสมกับบริษัทนี้”
เนื้อหา : นี้คือส่วนที่คุณต้องใส่มันให้หมด อ่านความอธิบายงาน หาทักษะที่คุณเชี่ยวชาญ หลังจากนั้นทักษะขอคุณจากมหาวิทยาลัย ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณทำอะไรให้พวกเขาได้ ทำการเขียนของคณให้เหมาะกับตำแหน่งของคุณด้วย
บทสรุป: บอกเขาว่าประสบการณ์และทักษะของคุณทำให้คุณกลายเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดได้อย่างไร และทิ้งท้ายว่า “หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันในอนาคต” โดยเสริมในเรื่องของความทุ่มเทและมั่นใจไปด้วย
เราควรใช้คำไหนในจดหมายแนะนำตัว ?
อย่าใช้คำซ้ำกับเรซูเม่ของคุณ พยายามใช้คำที่อยู่ในความอธิบายงาน อย่าลืมใช้คำที่ทันสมัยและแบ่งย่อหน้าด้วยล่ะ น้นรวมถึงคำที่แสดงถึงควาหลงใหลและกระตือรื้อร้นของคุณเช่น “แรงบันดาลใจ” “ตื้นเต้น” ฯลฯ
เราไม่ควรใช้คำไหนในจดหมายแนะนำตัว ?
อย่างที่เราบอก หลีกเลี่ยงคำเชย ๆ ซะ หยุดใช้คำว่า “เป็นคน Active” “เป็นคนทำงานหนักและมี Can do attitude” และ “เป็นคนคิดนอกกรอบ” หลีกเลี่ยงการใช้คำเช่า “ดีที่สุด” เพราะมีคนอีกเป็นล้าน ๆ ที่ใช้คำนี้และมันไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับคุณเลย อีกอย่างมันทำให้คุณดูหยิ่ง หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “คิดว่า” “เชื่อว่า” และ “รู้สึกว่า” มันทำให้รู้สึกว่าคณไม่มั่นใจ บอกเขาตรง ๆ ไปเลย
มี 4 อย่างที่คุณควรจำเอาไว้เมื่อเขียนจดหมายแนะนำตัว
- สร้างมันให้เหมาะกับงานแต่ละตำแหน่ง
- หลีกเลี่ยงการใช้คำและไวยากรณ์ผิด ๆ
- จงอย่าใส่เงินเดือนที่คาดหวังเข้าไป
- หลีกเลี่ยงการใช้คำหวือหวาอย่างเช่น “เป็นคนที่ดีและเจ๋งที่สุดที่บริษัทคุณเคยมี
Chapter 4 :
ทิ้งเส้นทางติดตามตัวไว้ ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
เหล่า HR ในปัจจุบันใช้โปรไฟล์ต่าง ๆ ของคุณในโลกออนไลน์เป็นส่วนนึงในการพิจารณาเช่นกัน ฉะนั้น การมีโปรไฟล์โซเซียลเน็ตเวิร์คสวย ๆ หรือเว็บไซต์ส่วนตัวก็เป็นคามคิดที่ไม่เลวนะ
คำถามแรก..ทำไมเราต้องสนใจสิ่งเหล่านี้
คุณอาจคิดว่าคุณไม่ต้องมีเว็บไซต์ส่วนตัวหรอก โดยเฉพาะเมื่อขึ้นไม่รู้หรือไม่มีประสบการณ์มากพอถึงขนาดต้องใช้เว็บไซต์ทั้งอันในการเก็บมัน อย่างไรก็ตาม การมีมันไว้ทำให้คุณดูดีขึ้นมากทีเดียว มันเป็นสิ่งที่จะเชื่อมโปรไฟล์ต่าง ๆ ของคุณเข้าด้วยกัน รวมถึงในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่าง ๆ หรือเป็นแกลเลอรี่ส่วนตัวของคุณที่คุณใช้แสดงผลงานก็ได้เช่นกัน หรือไม่ก็ลองใช้มันเป็น Digital Business Card ส่วนตัวของคุณก็ได้ ข้อดีที่สุดของมันคือ มันทำให้เรซูเม่ของคุณสั้นและได้ใจความ เพราะคุณสามารถใส่ข้อมูลที่เหลือของคุณไว้ในเว็บไซต์ส่วนตัว
ข้อดีของการมีเว็บไซต์ส่วนตัว
- ผู้คนสามารถหาคุณพบได้ง่ายมากขึ้น
- ทำให้คุณโดดเด่น
- บอก Lifestyle ของตัวคุณเองได้
- แสดงทักษะทางคอมพิวเตอร์ของคุณ
คำถามที่สอง..เราควรและไม่ควรใส่อะไรไว้ในเว็บไซต์ของเราบ้าง?
อย่างแรก คุณต้องมีจุดมุ่งหมายในการสร้างเว็บไซต์ก่อนว่าคุณต้องการอะไร อาจเพื่อแสดงผลงานของคุณ หรือเพื่อใช้เป็น Digital Business Card หากคุณไม่มีอะไรที่จะใส่ลงไปมากนัก เราแนะนำให้คุณแสดงแค่ข้อมูลติดต่อและเรซูเม่ เป็นรูปแบบของ Digital Business Card แทน เตือนอีกนิด..อย่าใส่ข้อมูลส่วนตัวและอย่าใส่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามามากจนเกินไปล่ะ
หากเราไม่รู้วิธีการสร้างเว็บไซต์ล่ะ ?
ไม่ต้องห่วง ! ในปัจจุบันมีหลากหลายเว็บไซต์ที่ให้คุณสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและสวยงาม
Chapter 5 :
Social Media ช่วยได้แต่ต้องระวัง !
โซเชียลมีเดียนั้นมีบทบาทที่สำคัญมากในการหางาน เพราะเหล่า Recruiter และ HR ยุคใหม่ต่างก็เข้าไปสำรวจโซเชียลมีเดียของเหล่าผู้สมัครกันเป็นเรื่องปกติ ย้ำว่าเรื่องปกติ ซึ่งมันสามารถเสริมสร้างหรือทำลายภาพลักษณ์ของคุณได้หากคุณไม่ระวังตัวให้ดีพอ
โปรไฟล์ในอินเตอร์เน็ตแตกต่างจากเรซูเม่ธรรมดาอย่างไร ?
ความเกี่ยวข้อง : โปรไฟล์ในอินเตอร์เน็ตของคุณมีข้อมูลทุกอย่างในการทำงานของคุณ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับงานนั้น ๆ แต่เรซูเม่นั้นถูกทำมาเพื่อสมัครงานใดงานนึงเท่านั้น
จุดประสงค์ : โปรไฟล์ในอินเตอร์เน็ตทำให้คุณสามารถติดต่อกับคนที่ทำงานสายเดียวกับคุณได้ แต่เรซูเม่ทำให้คุณได้งาน
ความซับซ้อน : เรซูเม่นั้นส่วนมากนั้นไม่เกินสองหน้าและมีข้อมูลที่จำกัด ส่วนในอินเตอร์เน็ตนั้นมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เช่น คนที่ติดต่อด้วย บทความที่คุณเขียน วีดีโอและลิงค์ที่คุณแชร์ ฉะนั้น โปรไฟล์ในอินเตอร์เน็ตให้ข้อมูลและประสบการณ์มากกว่าเรซูเม่มาก
เราควรเพิ่ม Social Media ไว้ในเรซูเม่ไหม ?
หากโปรไฟล์ของคุณเหมาะสม คุณอาจใส่มันไว้ในเรซูเม่ของคุณได้ แต่คุณควรที่จะหลีกเลี่ยง Social Media อื่น ๆ เนื่องจากมันเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป คุณสามารถใส่เจ้าพวกนี้ได้ตามต้องการหากคุณมีเว็บไซต์ส่วนตัว เราควรตรวจสอบ Social Media ของเราก่อนที่จะสมัครงานหรือเปล่า ? แน่นอน ! การมีสิ่งที่ไม่เหมาะสมในโซเชียลมีเดียอาจทำลายชื่อเสียงของคุณได้ ลบพวกมันซะ แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความทรงจำก็ตาม เชื่อเราเถอะ !
Chapter 6 :
ก้าวสุดท้ายก่อนการสัมภาษณ์งานจริง!
หลังจากคุณสมัครงาน แน่นอนว่าจะมีบริษัทต่างๆโทรมาหาคุณเพื่อเชิญไปสัมภาษณ์ อย่าตื่นเต้นตกใจไป เพราะตัวช่วยดีๆอยู่นี่แล้ว !
อย่าลืมหารายละเอียดของบริษัทที่ต้องไปสัมภาษณ์
ทำให้เขาเห็นว่าคุณเข้าใจในบริษัทนั้นและคุณมีบุคลิกที่เหมาะกับพวกเขา
ค้นคว้าเกี่ยวกับสินค้าของพวกเขา แสดงความสนใจของคุณออกมา ค้นคว้าประวิติความสำเร็จของพวกเขา
สัมภาษณ์ทั้งที..เตรียมตัวอย่างไรดีนะ?
ฝึกซ้อมการพูดและภาษากายของคุณ : ไม่ว่าจะเป็นหน้ากระจกหรือกับคนอื่นก็ดีทั้งนั้น และไม่ลืมที่จะแสดงจุดแข็งของคุณออกมา
รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตำแหน่งที่คุณจะทำ : รู้ว่าทักษะของคุณมีประโยชน์อย่างไรในตำแหน่งนั้น
หาคำตอบของคำถามที่พบบ่อย ๆ : รวมถึงเตรียมคำถาของคุณเองด้วย
ทำให้แน่ใจว่าคุณรู้จักคำที่ใช้กันในงานนั้นๆที่คุณสนใจ : ศึกษาคำที่คนทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ เขาพูดกัน
ชุดแบบไหนถึงเวิร์ค ไม่ถูกมองแรง
HR จะตัดสินคุณเบื้องต้นจากภายนอกนี่แหละ ดังนั้นแล้วลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งกายของบริษัทนั้นๆด้วยจะดีมาก
โดยปกติแล้ว การแต่งกายของคุณควรที่จะเหมาะกับวัฒนธรรมของบริษัท บริษัทขนาดกลางหรือใหญ่จะเป็นการแต่งกายแบบทางการ
ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กจะไม่ต้องการสิ่งนั้น ตำแหน่งงานสำคัญ การแต่งชุดสูทมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งของ Marketing ก็ดูจะแปลก ๆ ซักหน่อย
Chapter 7 :
สัมภาษณ์ผ่านฉลุยด้วยกลยุทธ์เด็ด
การสัมภาษณ์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่อย่าให้ความตื่นเต้นนั้นมาทำลายคุณ มองผู้สัมภาษณ์ ใจเย็น และยิ้มเข้าไว้ อย่าลืม คุณเตรียมตัวมาแล้ว
ตอบคำถามธรรมดาให้ดูพิเศษกว่าคนอื่น
การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ แน่นอนว่าต้องมีคำถามทั่วๆไป ที่ใครๆเขาก็ถามกัน แต่การตอบคำถามถามเหล่านั้นก็สามารถทำให้คุณแตกต่างได้ อะไรทำให้คุณคิดว่าทำให้คุณเหมาะสมกับตำแหน่งดี : ทำให้คุณเห็นว่าไปได้ไกลกว่า Job Requirement
ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ
ทำให้เห็นว่าเขาเห็นว่าคุณสามารถทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง
ใช้จุดอ่อนให้เป็นประโยชน์
พยายามหาทักษะที่คุณคิดว่าคุณเก่งแต่ไม่มีโอกาสที่จะพัฒนามัน
สงสัยอะไรมั้ย มีอะไรอยากถามเพิ่มเติมหรือเปล่า
คำถามเหล่านี้สามารถบอกถึงความเอาใจใส่และความสงสัยของคุณ “อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขในการทำงานของคุณ” “บอกถึงอนาคตของเราหากได้เข้าไปทำงาน” “อะไรคืออุปสรรคที่ยากที่สุดหากเราได้เข้าไปทำงาน” “คิดว่าเรามีจุดอ่อนอะไรหรือเปล่า”
คำถามสุดท้าย.. จะต่อรองเงินเดือนอย่างไรดี
หากคุณเป็นเด็กจบใหม่ ควรจะต่อรองไม่เกิน 10% ของเงินเดือนที่ถูกเสนอมา แต่ถ้าหากคุณสัมภาษณ์ในตำแหน่งอาวุโส คุณสามารถเจรจาให้สูงกว่านั้นได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่านั่นเป็นสิ่งคุณต้องการจริงๆ