
ทำไม Gen Z ถึงเปลี่ยนงานบ่อย? แล้วมันช่วยให้เติบโตได้จริงหรือ?
ยุคนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โอกาสในการทำงานก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานเลยเปลี่ยนไปตามยุค โดยเฉพาะ Gen Z ที่โตมากับโลกดิจิทัล พวกเขาไม่ได้มองหางานที่แค่มั่นคงหรืออยู่ได้นาน ๆ แต่ต้องเป็นงานที่ มีความยืดหยุ่น ช่วยให้พัฒนาตัวเองได้ และบาลานซ์ชีวิตกับงานได้ดี สำหรับ Gen Z แล้ว งานไม่ใช่แค่เรื่องของรายได้หรือสวัสดิการ แต่ต้องเป็นงานที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังเติบโต ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และสอดคล้องกับเป้าหมายของตัวเอง ถ้างานที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยน เพราะสำหรับพวกเขา "งาน" ไม่ใช่จุดหมาย แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น บางคนอาจจะมองว่าการเปลี่ยนงานบ่อยเป็นเรื่องของความไม่มั่นคง แต่สำหรับ Gen Z แล้วมันคือโอกาสในการเติบโต ถ้าที่ไหนให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาได้มากกว่า พวกเขาก็พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าแบบไม่ลังเล
หลายคนอาจจะคิดว่าการเปลี่ยนงานบ่อยเป็นสัญญาณของความไม่มั่นคง หรือมองว่าเป็นเรื่องของความไม่อดทน แต่สำหรับ Gen Z แล้ว มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะพวกเขามองว่านี่คือ วิธีที่ช่วยให้เติบโตได้เร็วขึ้น Gen Z ไม่ได้ทำงานแค่เพราะต้องทำ แต่พวกเขามองว่างานคือเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขาค้นหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง พัฒนาทักษะ และก้าวไปสู่เป้าหมายในชีวิต ถ้างานที่ทำอยู่ไม่มีโอกาสให้เติบโต ไม่ตอบโจทย์ หรือไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ พวกเขาก็พร้อมจะมองหาสิ่งที่ใช่กว่า
แต่จริง ๆ แล้ว ทำไม Gen Z ถึงเปลี่ยนงานบ่อย? แล้วมันช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ยังไง? วันนี้ WorkVenture จะพาทุกคนไปดูมุมมองของพวกเขากัน!
Key point
-
Gen Z กับแนวคิดการเปลี่ยนงานบ่อย
-
อะไรบ้างที่ทำให้ Gen Z เลือกเปลี่ยนงานบ่อย?
-
การเปลี่ยนงานบ่อยๆ ช่วยให้ Gen Z ประสบความสำเร็จได้จริงหรือ?
-
Gen Z จะเลือกงานจากอะไร?
-
วิธีการทำงานกับกลุ่มคน Gen Z
-
คน Gen Z ต้องการการสนับสนุนจากองค์กร
Gen Z กับแนวคิดการเปลี่ยนงานบ่อย
Gen Z คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 ปัจจุบันอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 13 - 28 ปี ซึ่งเติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า การเชื่อมต่อกับโลกกว้างทำได้ง่ายดาย Gen Z ใช้ชีวิตในโลกที่อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญ ทำให้แนวคิดและพฤติกรรมต่างจากเจเนอเรชั่นก่อน โดยเฉพาะในเรื่อง การทำงาน สำหรับ Gen Z งานไม่ใช่แค่หน้าที่ที่ต้องทำเพื่อเงิน แต่ยังให้ความสำคัญกับแนวคิด Work-life balance มากกว่าการอยู่กับที่ทำงานเดิมนาน ๆ ถ้ารู้สึกว่างานไม่ตอบโจทย์หรือไม่มีโอกาสพัฒนา ก็พร้อมจะหางานใหม่ที่เข้ากับตัวเองมากกว่า
ย้อนกลับไป คนรุ่นก่อนมักให้ความสำคัญกับ ความมั่นคงในอาชีพ และชอบทำงานในองค์กรเดียวเป็นเวลานาน เพื่อสะสมประสบการณ์และไต่เต้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่สำหรับ Gen Z แล้ว การทำงานที่เดียวตลอดชีวิตไม่ใช่เป้าหมายหลัก พวกเขามองว่าการเปลี่ยนงานคือ วิธีหนึ่งในการพัฒนาตัวเอง และสร้างเส้นทางอาชีพที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น เชื่อว่าการลองทำงานในหลายที่ช่วยให้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และค้นหาสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับชีวิตการทำงาน
อะไรบ้างที่ทำให้ Gen Z เลือกเปลี่ยนงานบ่อย?
-
ต้องการความท้าทายใหม่ๆ
Gen Z เติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขามักมองหาความท้าทายในการทำงานเสมอ ถ้าทำงานในที่เดิมนาน ๆ อาจทำให้รู้สึก ไม่มีแรงจูงใจ หรือ เบื่อหน่าย การเปลี่ยนงานช่วยให้ได้พบกับโครงการใหม่ ๆ และความท้าทายที่ต้องใช้ทักษะใหม่ ๆ ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาตัวเองได้ดียิ่งขึ้น Gen Z มองว่าการทำงานที่มีความท้าทายจะทำให้พวกเขาเติบโต และไม่รู้สึกติดอยู่ในวงจรเดิม ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าหยุดพัฒนา
การทำงานในที่เดียวเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้รู้สึก เบื่อหน่าย และ ไม่มีแรงจูงใจ ในการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับคนที่มองหาความท้าทายใหม่ ๆ การเปลี่ยนงานจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันทำให้ได้สัมผัสกับความตื่นเต้น เมื่อได้เจอกับโครงการที่น่าสนใจ หรือปัญหาที่ต้องใช้ทักษะใหม่ ๆ จะทำให้รู้สึกกระตุ้นและมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองมากขึ้น ดังนั้น การเปลี่ยนงานไม่ใช่แค่การหางานใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสในการเติบโตและสร้างเส้นทางอาชีพที่น่าสนใจ!
-
การหาความสมดุลของชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance)
การทำงานไม่ใช่แค่เรื่องของเงินเดือนเท่านั้น Gen Z หลายคนให้ความสำคัญกับ การจัดการเวลาที่ชัดเจนเพื่อให้มีเวลาทั้งงานและชีวิตส่วนตัว หรือ Work-Life Balance ถ้ารู้สึกว่างานที่ทำไม่ตรงกับความคาดหวังหรือทำแล้วรู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะมองหางานใหม่ที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า Gen Z เข้าใจว่าชีวิตมีค่ามากกว่าการนั่งอยู่ในที่ทำงานที่ไม่แฮปปี้ และพร้อมที่จะค้นหาสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบรรยากาศการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร หรือโอกาสในการพัฒนาตนเอง
-
การหาประสบการณ์ที่หลากหลาย
การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ทำให้ Gen Z มีโอกาสสะสมประสบการณ์จากหลากหลายองค์กรและอุตสาหกรรม นี่คือสิ่งที่ช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวได้ดีขึ้นมาก สามารถนำประสบการณ์ที่ได้มาใช้ประโยชน์ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทักษะใหม่ ๆ หรือวิธีการทำงานที่แตกต่าง
การทำงานในหลาย ๆ ที่ยังช่วยให้ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย และเรียนรู้วิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป ทำให้เข้าใจว่า การมีประสบการณ์จากหลายองค์กรจะเปิดโอกาสให้พวกเขาเติบโตและพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนงานบ่อยๆ ช่วยให้ Gen Z ประสบความสำเร็จได้จริงหรือ?
การเปลี่ยนงานบ่อย เป็นเรื่องที่หลายคนมองต่างกัน บางคนบอกว่ามันช่วยให้ได้โอกาสใหม่ ๆ ได้พัฒนาทักษะและเติบโตเร็วขึ้น แต่บางคนก็มองว่ามันอาจทำให้ขาดความมั่นคงหรือพลาดโอกาสเติบโตในระยะยาว จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้มีคำตอบตายตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองและเป้าหมายของแต่ละคน แล้วสำหรับคุณล่ะ การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ เป็นเรื่องดีหรือเปล่า?
-
เปิดโอกาสให้พัฒนาทักษะใหม่
การทำงานในหลาย ๆ ที่หมายความว่า Gen Z จะได้พบกับงานที่หลากหลาย และได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างกันไป ทำให้มี ทักษะ และ ความสามารถ ที่กว้างขึ้น ไม่ได้ติดอยู่กับแค่เรื่องเดิม ๆ ยกตัวอย่างเช่น บางที่อาจสอนให้ทำงานเป็นทีม บางที่เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือบางที่อาจให้โอกาสในการฝึก ภาวะผู้นำ การเรียนรู้แบบนี้จะทำให้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความได้เปรียบในตลาดงานได้อย่างเห็นได้ชัด ด้วยการสะสมประสบการณ์ที่หลากหลาย Gen Z จะสามารถสร้างเส้นทางอาชีพที่น่าสนใจและมั่นคงในอนาคตได้!
-
เพิ่มโอกาสในการเติบโต
ในบางบริษัท การเลื่อนตำแหน่งอาจใช้เวลาหลายปี หรือบางครั้งอาจไม่มีตำแหน่งว่างให้เติบโตเลย ทำให้คนที่อยากพัฒนาตัวเองต้องรอนานเกินไป การเปลี่ยนงานจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับ Gen Z เพราะสามารถหางานที่ให้เงินเดือนสูง หรือมีโอกาสรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้นได้ โดยไม่ต้องรอให้ตำแหน่งว่าง การเปลี่ยนงานยังช่วยเปิดโอกาสให้ได้ลองทำงานในอุตสาหกรรมหรือบทบาทใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้เติบโตมากกว่าการอยู่ที่เดิม ถ้าทำงานที่เดียวไปนาน ๆ ทักษะก็อาจจะอยู่ในกรอบเดิม แต่ถ้าได้เปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ก็จะได้เรียนรู้วิธีการทำงานที่แตกต่าง พัฒนาทักษะใหม่ และค้นพบเส้นทางอาชีพที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น
-
รู้จักตัวเองมากขึ้น
การลองทำงานหลายที่และหลายบทบาททำให้ Gen Z ได้เรียนรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร บางคนอาจคิดว่าตัวเองชอบงานด้านการตลาด แต่พอได้ลองทำแล้วกลับพบว่าชอบการวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่า หรือบางคนอาจค้นพบว่าตนไม่เหมาะกับงานออฟฟิศและต้องการเป็นฟรีแลนซ์แทน
การที่ได้ลองงานหลายแบบก่อนจะตัดสินใจจริงจังนั้นช่วยให้สามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมในระยะยาวได้ พูดง่าย ๆ ว่า การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ไม่ได้แปลว่าขาดความมั่นคงเสมอไป แต่ถ้าทำอย่างมีเป้าหมาย มันจะเป็นทางลัดที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาตัวเองและประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
Gen Z จะเลือกงานจากอะไร?
ทุกวันนี้ การเลือกงานสำหรับ Gen Z ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินเดือนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ความยืดหยุ่นในการทำงาน หรือโอกาสในการเติบโตที่ชัดเจน พวกเขามองหางานที่ให้มากกว่าผลตอบแทนรายเดือน แต่งานที่ทำให้รู้สึกมีคุณค่า สนุกกับการทำงาน และตอบโจทย์ชีวิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ถ้าที่ทำงานให้อิสระ ให้พื้นที่ในการพัฒนา และมีสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ยังไงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ Gen Z แน่นอน แล้วอะไรคือปัจจัยที่พวกเขาใช้ตัดสินใจเวลาหางาน? มาดูกัน
-
เงินเดือน (Salary)
จากผลสำรวจพบว่า 74% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับเงินเดือนเป็นอันดับต้น ๆ ในการเลือกงาน Gen Z มองว่าค่าตอบแทนที่ได้รับควรสะท้อนถึงความสามารถ แรงกาย แรงใจ ที่ทุ่มเทไปในการทำงาน ไม่ใช่แค่เพื่อความมั่นคงทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่าตัวเองมีคุณค่าในองค์กร การมีค่าตอบแทนที่เหมาะสมและสวัสดิการที่ดีจึงช่วยให้พวกเขามั่นใจว่าองค์กรให้ความสำคัญกับพนักงานจริง ๆ
-
โอกาสเติบโตในอาชีพ(Career Growth)
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Gen Z - 52% มองหางานที่ไม่ใช่แค่ทำไปวัน ๆ Gen Z มักไม่ชอบทำงานที่รู้สึกว่าไม่มีการก้าวหน้า ต้องมีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการเลื่อนตำแหน่ง โอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ หรือการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ตลอดเวลา การทำงานในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาตัวเองจึงสำคัญมากสำหรับ Gen Z ต้องการรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและมีการพัฒนาในเส้นทางอาชีพ Gen Z ให้ความสำคัญกับองค์กรที่สนับสนุนการเติบโตทางอาชีพ เช่น การฝึกอบรม การให้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ และโอกาสได้ทำโปรเจกต์ที่ท้าทาย ทำให้พวกเขารู้สึกว่าองค์กรให้ความสำคัญกับอนาคตของพวกเขา และทำให้พวกเขาพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น
-
ความมั่นคงในงาน (Job Security)
41% ของคน Gen Z มองว่าความมั่นคงในงานคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกงาน ต้องการทำงานในองค์กรที่มีเสถียรภาพ และมั่นใจได้ว่าในอนาคตจะมีโอกาสเติบโตและพัฒนาตัวเอง โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอน การมีสัญญาจ้างที่มั่นคงและโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจนทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและมีความมั่นคงในอาชีพ
-
สวัสดิการ (Benefits)
สำหรับ 37% สวัสดิการที่จำเป็น เช่น การดูแลสุขภาพ การเกษียณอายุ และโอกาสในการฝึกอบรม ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกงาน เมื่อองค์กรมีสวัสดิการที่ดี จะทำให้รู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นและตนเองเป็นส่วนสำคัญขององค์กร การเลือกงานจึงไม่เพียงแค่การพิจารณาเรื่องเงินเดือน แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสุขและความพึงพอใจในชีวิตการทำงานด้วย
-
ชั่วโมงทำงานยืดหยุ่น (Flexible Working Hours)
34% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance ความยืดหยุ่นในชั่วโมงทำงาน โดยมักเลือกงานที่มีการทำงานจากที่บ้านหรือเวลาทำงานที่มีความยืดหยุ่น สิ่งนี้ช่วยให้บริหารจัดการเวลาชีวิตได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย สามารถจัดการเวลาได้ตามความต้องการ จะทำให้มีสมาธิและแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งผลลัพธ์งานและความสุขในชีวิตประจำวัน ทำให้ความยืดหยุ่นกลายเป็นสิ่งที่ Gen Z ให้ความสำคัญมากในที่ทำงาน
-
วัฒนธรรมองค์กรและผู้คน (Culture & People)
18% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเมื่อเลือกงาน อยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนในทีม การทำงานในองค์กรที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาจะทำให้รู้สึกว่ามีคุณค่าและได้รับการตอบสนองต่อความต้องการของตัวเอง ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าที่ไหนวัฒนธรรมองค์กรเป็นยังไง ลองเช็กรีวิวจากพนักงานเก่าหรือปัจจุบันในเว็บไซต์หางานที่เชื่อถือได้ดูนะ นี่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของบรรยากาศในที่ทำงานชัดเจนมากขึ้น
ซึ่ง WorkVenture เข้าใจดีว่าการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีมันสำคัญแค่ไหน พวกเราเลยได้ทำแบบสำรวจเพื่อรองรับมาตรฐาน BPTW (Best Places to Work in Thailand) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรได้รู้ความต้องการที่แท้จริงของพนักงานทุกคน ทุกคนในองค์กรจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นและความต้องการอย่างเต็มที่ ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งถึงผู้บริหารโดยตรง WorkVenture ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของพนักงานในทุกด้าน ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การได้รับการรับรอง BPTW นี่ถือว่าเป็นการยืนยันจากบุคลากรภายในว่าองค์กรนี้คือสถานที่ทำงานที่น่าร่วมงานด้วยจริง ๆ
-
ชื่อเสียงของนายจ้าง (Employer’s Reputation)
16% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของนายจ้างในอุตสาหกรรมเวลาหางาน อยากทำงานในองค์กรที่มีภาพลักษณ์ดี ๆ เพราะคิดว่าการทำงานที่นี่จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในสายอาชีพของตัวเอง ชื่อเสียงของนายจ้างจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสนใจมาก
-
องค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (Socially Responsible Organisation)
15% ให้ความสำคัญกับการเลือกองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเวลาเลือกงานนะ! อยากทำงานในที่ที่ไม่เพียงแต่เน้นการทำกำไร แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย มันทำให้รู้สึกว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีจริง ๆ
-
ทำงานจากที่ไหนก็ได้ การทำงานทางไกล (Remote Work Options)
อันนี้น่าสนใจนะ 14% เลือกที่จะให้ความสำคัญกับการทำงานทางไกล อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น บางคนยังรู้สึกว่าการทำงานในออฟฟิศทำให้พวกเขามีชีวิตชีวาและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานมากกว่า
คน Gen Z ให้ความสำคัญกับ "เงินเดือน" เป็นอันดับแรกในการเลือกงาน รองลงมาคือ "โอกาสเติบโตในสายอาชีพ" และ "ความมั่นคงในงาน" ซึ่งบอกได้เลยว่าพวกเขามองหาไม่แค่ค่าตอบแทนที่ดี แต่ยังต้องการเห็นอนาคตในสายงานของตัวเองด้วย และต้องการรู้สึกมั่นคงในอาชีพที่เลือก ทำให้การเลือกงานเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายด้านเลยทีเดียว
วิธีการทำงานกับกลุ่มคน Gen Z
-
สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างสำหรับ Gen Z เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ Gen Z ชอบการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา สามารถแสดงความคิดเห็นและนำเสนอไอเดียได้อย่างอิสระ จะทำให้รู้สึกว่าตนมีค่าและมีส่วนร่วมในงาน สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเสริมสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น
-
การทำงานมีความยืดหยุ่น
การมีความยืดหยุ่นทำให้สามารถจัดการชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้อย่างสมดุล ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรู้สึกมีแรงจูงใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดและเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวม ทำให้รู้สึกว่าองค์กรใส่ใจในความต้องการของพวกเขา
สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนา
Gen Z ต้องการโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ การมอบการฝึกอบรมและการสนับสนุนในด้านการพัฒนาอาชีพจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังเติบโตในองค์กร นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกว่าบริษัทใส่ใจในความก้าวหน้า ซึ่งส่งผลดีต่อแรงจูงใจและความพึงพอใจในการทำงาน!
-
เน้นการทำงานเป็นทีม
สำหรับ Gen Z การทำงานร่วมกันในทีมเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ Gen Z เชื่อว่าการทำงานเป็นทีมจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การสนับสนุนการทำงานร่วมกันไม่เพียงแต่ทำให้การสื่อสารดีขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
การสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะทำให้ Gen Z รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในทีม และสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้มากขึ้น
-
เชื่อมโยงงานกับความหมาย
สำหรับ Gen Z งานที่มีความหมายและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องการทำงานที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในองค์กร และสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้ ความหมายของงานจึงมีความสำคัญ
ให้คำชมและข้อเสนอแนะแบบทันที
-
การให้คำชมและข้อเสนอแนะแบบทันที
เป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้ Gen Z รู้สึกมีคุณค่า เมื่อได้รับคำชม จะทำให้เข้าใจว่าทำได้ดีในสิ่งที่ทำอยู่ การได้รับข้อเสนอแนะแบบทันทียังช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นการทำงานมีความหมายและได้รับการสนับสนุน
-
ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
เนื่องจาก Gen Z เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี การใช้เครื่องมือและแอพพลิเคชันที่ช่วยในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีมาใช้จะทำให้การทำงานสะดวกสบายขึ้นและช่วยให้จัดการงานได้ดี
สิ่งที่คน Gen Z ต้องการการสนับสนุนจากองค์กร
-
ลงทุนในการพัฒนาความสามารถ (Financial Support to Upskill)
68% ของ Gen Z บอกว่าการสนับสนุนทางการเงินเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นสำหรับงานถือเป็นเรื่องดีมาก! อยากให้บริษัทช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนหรืออบรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตในสายอาชีพ การลงทุนในทักษะใหม่ ๆ ช่วยให้มีโอกาสเติบโตและเพิ่มความมั่นใจในสิ่งที่ทำได้มากขึ้น
-
โอกาสในการทำงานในประเทศอื่น (Opportunities to Work in Different Countries)
มี 43% ที่มองหาการทำงานในประเทศอื่นนะ พวกเขาเชื่อว่าการไปทำงานที่ต่างประเทศจะช่วยให้พวกเขาได้เจอประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร และทำให้โตขึ้นในสายอาชีพด้วย
-
การลาศึกษาต่อ (Study Leave)
40% Gen Z ต้องการสิทธิ์ในการลาหยุดเพื่อศึกษาต่อหรือพักงานเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม อยากให้บริษัทสนับสนุนให้มีเวลาหยุดเพื่อไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมันช่วยให้พวกเขาเติบโตได้มากขึ้นเลยนะ
-
โอกาสในการทำโปรเจกต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำ (Opportunities to Work/Lead Projects Not Linked to Everyday Jobs)
โอกาสทำโปรเจกต์ที่น่าสนใจ 40% ให้ความสำคัญกับโอกาสในการทำโปรเจกต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำ มีโอกาสได้ทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ
-
นโยบายความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์ (Gender/Ethnic Diversity Inclusion Policies)
มี 31% มองว่านโยบายที่สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้น การส่งเสริมนโยบายที่สนับสนุนความหลากหลายจะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นและสร้างโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตัวเอง
-
การลาพักงานระยะยาว (Sabbaticals)
27% ต้องการสิทธิ์ในการลาพักงานเพื่อไปเดินทาง! การได้หยุดเพื่อไปผจญภัยในที่ใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่พวกเขารอคอย เพราะมันช่วยให้พวกเขารู้สึกสดชื่นและพร้อมกลับมาทำงานอย่างมีแรงบันดาลใจมากขึ้น
-
โอกาสอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม (Volunteer for Social/Environmental Causes)
27% บอกว่าพวกเขาต้องการใช้เวลาทำงานเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องกับสังคมหรือสิ่งแวดล้อม การมีโอกาสไปช่วยเหลือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังทำสิ่งที่มีคุณค่า และช่วยให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น
-
สิทธิ์ลาคลอดบุตรแบบขยายเวลา (Extended Maternity Leave)
20% เชื่อว่าการลาคลอดบุตรแบบนานขึ้นนั้นสำคัญนะ! ถึงมันจะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทุกคนสนใจ แต่สำหรับพ่อแม่มือใหม่ การมีเวลาในการดูแลลูกน้อยนี่แหละที่สำคัญสุด ๆ
การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ของ Gen Z ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันเป็นทางเลือกในการเติบโตในโลกทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่พวกเขาเปลี่ยนงาน พวกเขาไม่เพียงแค่หาความท้าทายใหม่ ๆ แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอีกด้วยการเลือกงานไม่ใช่แค่การทำงานไปวัน ๆ แต่คือการหางานที่ตรงกับความสนใจและค่านิยมของตัวเอง พวกเขามองหางานที่มีวัฒนธรรมดี ๆ ความยืดหยุ่น และโอกาสในการเติบโต ซึ่งทำให้การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ กลายเป็นการลงทุนในอนาคตและความสำเร็จของตัวเอง
WorkVenture เรารวบรวมมาแล้วว่านี่คือสิ่งที่คนทำงานยุคนี้ให้ความสำคัญ หวังว่ามันจะช่วยให้คุณเห็นภาพเรื่องการเลือกงานชัดขึ้นนะ! จริง ๆ แล้วไม่มีใครอยากเปลี่ยนงานบ่อยหรอก แต่บางทีเราแค่ยังไม่เจอที่ที่คลิกกับเราเท่านั้นเอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นคน Gen ไหน ถ้าคุณกำลังมองหางานอยู่ ลองเช็กโปรไฟล์บริษัทที่สนใจก่อน จะได้เข้าใจว่าสไตล์องค์กรเป็นยังไง ตรงกับสิ่งที่คุณมองหามั้ย เจองานที่ใช่ ชีวิตการทำงานก็แฮปปี้ขึ้นเยอะ!