คำแนะนำด้านอาชีพ | 31 July 2024

บริหารเวลาแบบพนักงานออฟฟิศ : จันทร์นี้ไม่มีสาย


บริหารเวลาแบบพนักงานออฟฟิศ : จันทร์นี้ไม่มีสาย

3 เทคนิคบริหารเวลาแบบพนักงานออฟฟิศ

เช้าวันจันทร์มาอีกแล้วหรอ พนักงานออฟฟิศอย่างเราๆคงคุ้นเคยกับความรู้สึกตื่นสาย หัวฟู รีบเร่งออกจากบ้านเพราะบริหารเวลาไม่ดี จนกลายเป็นลูปแย่ๆที่วนซ้ำทุกสัปดาห์ ทำให้ทั้งวันหมดไปกับความเหนื่อยล้าและกดดันโดยไม่รู้ตัว ปัญหานี้มักเกิดจากการบริหารเวลาที่ยังไม่ดีพอ แต่สามารถปรับตัวได้นะ

WorkVenture ขอนำเสนอ 3 เทคนิคบริหารเวลาแบบพนักงานออฟฟิศ ที่จะช่วยให้จัดการตารางชีวิตได้อย่างลงตัว รับมือกับเช้าวันจันทร์ได้แบบสบาย ๆ แค่เริ่มต้นจากการบริหารเวลาวันอาทิตย์ โดยการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเสื้อผ้า ตารางงาน หรือแม้แต่การเข้านอนให้เร็วขึ้นก็สามารถช่วยให้เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องรีบเร่งในตอนเช้า พร้อมลุยทุกงานแบบมืออาชีพ อย่าปล่อยให้เช้าวันจันทร์เป็นจุดเริ่มต้นของความเครียดและกดดัน มามาบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนทุกสัปดาห์ให้สดใสขึ้นกันเถอะ
 

เทคนิคที่ 1 เตรียมตัวล่วงหน้าด้วย “Sunday Night Routine”

การบริหารเวลาไม่จำเป็นต้องทำตอนเช้าอย่างเดียว เริ่มต้นได้ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์เลย! หนึ่งในเหตุผลที่ทำหลายคนมาสายในเช้าวันจันทร์ เพราะไม่เตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้า หาเอกสาร หรือเตรียมอาหารเช้า จนทำให้เสียเวลาและรู้สึกกดดันตลอดทั้งวัน แต่ถ้าหากเริ่มบริหารเวลาในคืนวันอาทิตย์ก่อนนอน คุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่เช้าวันจันทร์!

  • เตรียมชุดทำงานล่วงหน้า
    เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับการทำงานหรือกิจกรรมในแต่ละวัน จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย แขวนไว้ให้เห็นได้ง่ายจะช่วยให้ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลายืนคิดหน้าตู้เสื้อผ้าในตอนเช้า

  • เตรียมอาหารเช้าให้พร้อม
    วางแผนเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ใช้เวลาเตรียมไม่นาน แต่มีประโยชน์ อาจเตรียมส่วนผสมหรือปรุงอาหารบางส่วนล่วงหน้า เพื่อลดเวลาเตรียมตัวในวันจันทร์

  • จัดกระเป๋าก่อนนอน
    เตรียมเอกสาร อุปกรณ์ที่จำเป็น และสิ่งของสำคัญให้เรียบร้อย จัดใส่กระเป๋าไว้ตั้งแต่กลางคืนจะช่วยลดความวุ่นวายตอนเช้า และทำให้ออกจากบ้านได้ตรงเวลาแค่บริหารเวลาดีตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์ก็จะไม่วุ่นวายอีกต่อไป!

 

เทคนิคที่ 2 ตื่นเช้าอย่างมีพลัง ด้วยการทำตาม “นาฬิกาชีวิต”

นาฬิกาชีวิตก็คือระบบบอกเวลาในร่างกาย ว่าควรทำอะไรตอนไหน ถ้าใช้ชีวิตตามก็แฮปปี้ แต่ถ้าฝืนมากๆ ก็เตรียมรับอาการเพลีย ง่วง หิวมั่ว และสมาธิหลุดกันไปเลย ลองคิดถึงเช้าที่นาฬิกาปลุกดังแล้วกดเลื่อนซ้ำๆ จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นมาแบบเร่งรีบ ปวดหัว เครียด และต้องรีบพุ่งออกจากบ้านไปทำงาน นั่นอาจเป็นเพราะบริหารเวลาช่วงกลางคืนได้ไม่ดีพอ ลองเปลี่ยนการบริหารเวลาให้เป็นระบบมากขึ้นดู

วิธีการเริ่มทำตามนาฬิกาชีวิต 

  • สังเกตนาฬิกาชีวิตของตัวเอง
    ลองสังเกตดูว่าตัวเองเริ่มง่วงนอนจริงๆ ตอนกี่โมงกันแน่ แล้วลองจับเวลาดูว่าเราควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะตื่นมาแล้วดีขึ้น

  • ปรับเวลานอนให้เป็นกิจวัตร
    ตั้งเวลานอนและเวลาตื่นให้สม่ำเสมอ แม้แต่วันหยุดก็อย่าปล่อยให้ตัวเองนอนตื่นสายเกินไป ไม่อย่างนั้นนาฬิกาชีวิตจะรวนจนเช้าวันทำงานกลายเป็นฝันร้ายได้

  • ให้เวลากับตัวเองในการปรับตัว
    ถ้าตอนนี้เวลานอนยังมั่วไปหมด ไม่เป็นไร ค่อยๆปรับไปทีละนิด บริหารเวลาวันละหน่อย อย่ากดดันตัวเองจนเครียด นาฬิกาชีวิตเปลี่ยนทันทีปุ๊บปั๊บไม่ได้ แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวร่างกายก็จะจับจังหวะได้เอง

  • ตื่นเช้าได้โดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก
    เมื่อร่างกายคุ้นเคยกับการนอนตามตารางที่ตั้งไว้ ตื่นตอนเช้าไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาปลุกเลย เพราะร่างกายจะตื่นขึ้นมาเองได้ ดีสุดๆ

ประโยชน์ของการนอนตามเวลานาฬิกาชีวิต 

  • คุณภาพการนอนที่ดีขึ้น 
    การนอนตามนาฬิกาชีวิตทำให้เราหลับได้เร็วขึ้นและหลับลึกขึ้น ช่วยให้เราพักผ่อนเต็มที่และไม่ตื่นกลางดึก การนอนที่ดีจะทำให้ พนักงานออฟฟิศ ทุกคนตื่นมาพร้อมพลังงานเต็มที่ เริ่มต้นวันใหม่ได้สดชื่น การบริหารเวลานอนอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยให้เราไม่ต้องลุ้นตื่นสาย

  • เพิ่มพลังงานและความตื่นตัว
    การตื่นนอนตามเวลาที่เหมาะสมตามนาฬิกาชีวิตช่วยให้ร่างกายตื่นอย่างเป็นธรรมชาติและสดชื่น เมื่อเราสามารถ บริหารเวลาตื่นนอนให้สม่ำเสมอ เราก็จะพร้อมรับมือกับ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้พนักงานออฟฟิศอย่างเราสามารถมีสมาธิในการทำงานทุกวัน

  • อารมณ์ดีและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
    การนอนที่สม่ำเสมอช่วยให้สมองของเราผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวล การนอนหลับที่ดีช่วยให้การควบคุมอารมณ์ของเราดีขึ้นและทำให้เรารู้สึกดีขึ้น พร้อมรับมือกับงานในแต่ละวัน การทำงานจึงไม่น่าเบื่อหรือเครียดเกินไป

  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    การนอนตามเวลานาฬิกาชีวิตช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ทำให้พนักงานออฟฟิศอย่างเราไม่เจ็บป่วยบ่อย และมีสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรง การบริหารเวลานอนที่ดีช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานด้วยนะ

  • ลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง การนอนตามนาฬิกาชีวิตช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง เมื่อเราสามารถบริหารเวลาการนอนและการทำกิจวัตรได้ดีขึ้น จะช่วยให้พนักงานออฟฟิศ มีสุขภาพแข็งแรงและพร้อมรับมือกับ การทำงานได้อย่างเต็มที่


เทคนิคที่ 3 เริ่มวันใหม่ด้วย Social Detox

Social Detox คือการพักจากโซเชียลมีเดียเพื่อให้สมองได้เริ่มต้นวันอย่างมีสติ โดยไม่ต้องรับข้อมูลที่มารัว ๆ จากทุกทิศทางจนทำให้สับสน การ บริหารเวลา ในการใช้โซเชียลให้ดีขึ้นในตอนเช้า เช่น ลดเวลาไถฟีดหลังตื่นนอน จะช่วยให้เช้าวันใหม่สดใสขึ้นมากขึ้น ลองเปลี่ยนจากการไถฟีดมาเป็นการยืดเส้นยืดสาย อาบน้ำ หรือเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกจากบ้าน แค่เลิกให้มือถือดูดเวลาตอนเช้า เราก็จะไม่ต้องวิ่งวุ่นจนสายอีกต่อไป และก็ยังช่วยให้ พนักงานออฟฟิศ พร้อมรับมือกับ การทำงาน ในวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเริ่มทำ Social Detox

  • เลิกไถฟีดก่อนลุกจากเตียง 
    การที่ตื่นมาแล้วไถฟีดเล่นทันทีทำให้สมองต้องเจอกับการเปลี่ยนความสนใจทุกๆครั้งที่เลื่อนหน้าจอ ซึ่งไม่แปลกเลยที่จะรู้สึกล้าและไม่มีสมาธิเมื่อเริ่มวันใหม่

  • ลดเวลาที่ใช้กับ Social  
    ลองจำกัดเวลาเล่นมือถือช่วงเช้า แล้วใช้เวลานั้นไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกจากบ้านแทน ดีกว่าโซเชียลเพลินจนต้องรีบแต่งตัวแบบนักมายากลเปลี่ยนชุดกลางอากาศ

ประโยชน์ของการทำ Social Detox

  • เริ่มวันใหม่ด้วยสติและสมาธิ
    การตื่นมาทันทีแล้วไถฟีดในมือถือทำให้สมองต้องเปลี่ยนความสนใจทุกครั้งที่เลื่อนหน้าจอ ซึ่งทำให้เรารู้สึกเหนื่อยและไม่มีสมาธิเมื่อเริ่มวันใหม่ การบริหารเวลาลดการใช้มือถือช่วงเช้าช่วยให้สมองเริ่มวันใหม่ด้วยความสดใสและพร้อมรับมือกับการทำงาน

  • เพิ่มพลังงานและลดความเครียด
    เมื่อเราไม่ต้องเจอกับข้อมูลมากมายตั้งแต่เช้า การเริ่มวันด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ยืดเส้นยืดสายหรือทำสมาธิจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มพลังงานในการทำงานตลอดทั้งวัน

  • ลดความวุ่นวายและเพิ่มสมาธิ
    การที่เราใช้เวลาในการเตรียมตัวก่อนออกจากบ้านแทนการไถฟีดมือถือ ทำให้เรามีเวลาในการบริหารเวลา การทำสิ่งต่างๆ ในตอนเช้าอย่างมีระเบียบทำให้พนักงานออฟฟิศอย่างเรา สามารถเริ่มวันใหม่ได้อย่างมีสมาธิและพร้อมรับมือกับงานที่รออยู่

  • เพิ่มความมีประสิทธิภาพในการทำงาน
    เมื่อเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นร่างกายและสมอง เช่น การยืดเส้นยืดสายหรือการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกจากบ้าน จะช่วยให้เรามีพลังงานและสมาธิในการทำงานตลอดทั้งวัน

  • ช่วยให้มีเวลามากขึ้นในตอนเช้า
    การลดเวลาการใช้โซเชียลในตอนเช้าช่วยให้เราไม่ต้องเร่งรีบจนสาย เรายังสามารถทำสิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญได้มากขึ้น เช่น เตรียมอาหารเช้าหรือทำสิ่งที่ช่วยให้เราเริ่มวันได้ดีขึ้น

การบริหารเวลาไม่เพียงแค่ช่วยให้เราได้พักผ่อนเต็มที่ แต่ยังช่วยให้เราเริ่มต้นวันใหม่ได้สดใสและไม่เหนื่อยเกินไป ถ้าคุณไม่อยากต้องตื่นสายแล้ววิ่งหาของอย่างวุ่นวาย ลองใช้ 3 เทคนิคบริหารเวลาแบบพนักงานออฟฟิศนี้ดู แล้ววันจันทร์ของคุณจะกลายเป็นวันดีๆ ที่เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น!

 

 
close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง