จะเปลี่ยนความคิดที่ว่า “ไม่ใช่งานของฉัน” เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองได้อย่างไร

เมื่อสังคมและเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มันก็มีงานมากขึ้นในองค์กรที่ไม่อยู่ในขอบเขตงานของตำแหน่งใดเลย ซึ่งงานพวกนี้มันก็โผล่ออกมาจากความวุ่นวายของตลาดการแข่งขันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง และก็ถูกพยายามจับให้มันเข้ามาอยู่ในโครงสร้างขององค์กรจนได้ แต่ในตอนแรก มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของใครเลย

จากการดูแลบัญชี Twitter ของบริษัท จนถึงการคิดโครงการสีเขียว งานใหม่ๆ พวกนี้มีตำแหน่งมารองรับเรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนแรก ทุกคนสามารถบอกได้ว่า “นี่ไม่ใช่งานของฉัน” มันง่ายมากที่จะเพิกเฉยต่องานใหม่ๆ พวกนี้ หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณวางแผนไว้ในการพัฒนาตนเองอยู่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว งานเหล่านี้สามารถเป็นโอกาสอันดีสำหรับการพัฒนาตนเองได้เลยนะ

1. มันทำให้คุณได้พัฒนาทักษะและวิธีคิดแบบใหม่ๆ

คุณไม่สามารถจัดการกับงานใหม่ได้ด้วยวิธีคิดแบบเก่า ซึ่งวิธีคิดแบบใหม่ๆ นี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างวิธีการแก้ปัญหาแบบใหม่ให้กับงานเก่าของคุณได้ด้วย

2. งานพวกนี้มันไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ

บัญชี Twitter นั้นเป็นช่องทางในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่มีประโยชน์มากทีเดียว และมันก็เป็นแหล่งที่ดีสำหรับการหาข้อมูลเกี่ยวกับทั้งตัวบริษัทและคู่แข่ง Twitter นั้นเป็นหนึ่งในช่องทางที่จะเกาะติดเทรนด์ล่าสุดในสายงานนั้นๆ หา hashtag และโปรไฟล์ของผู้นำในธุรกจเพื่อดูว่าทักษะและวิธีการอะไรบ้างที่พวกเขากำลังใช้อยู่ ซึ่งคนที่ดูแลบัญชี Twitter ก็มักจะกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในแวดวงธุรกิจ แผนกที่สามารถฉวยโอกาสอันดีนี้ไว้ได้ก็จะได้เปรียบคู่แข่ง และคนที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงก็สามารถกลายมาเป็นผู้นำในธุรกิจนั้นๆ ได้

แต่การพัฒนาเส้นทางอาชีพของคุณล่ะ?

แน่นอนว่า เมื่อคุณตกลงปลงใจทำงานใหม่ คุณไม่รู้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นแค่งานที่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้ามันกลายมาเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ช้าไม่เร็วบริษัทก็ต้องหาคนมาดูแลมันอย่างจริงจัง และคุณก็พิสูจน์ตัวเองไว้แล้วว่ามีทักษะและความรู้ในการทำงานนี้ คุณก็จะกลายมาเป็นคนรับหน้าที่นั้นอย่างจริงจังแน่นอน และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ก็คือทักษะที่กว้างขึ้น ทักษะที่คุณต้องการถ้าอยากจะเป็นคนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและเทคนิคอะไรใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทักษะที่คุณสามารถฝึกฝนให้แข็งแกร่งได้ด้วยการฉวยโอกาสพวกนี้ไว้ ทักษะนั้นก็คือความคิดริเริ่มนั่นเอง

ความคิดริเริ่มเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่ในปัจจุบัน สนามรบที่มีการแข่งขันกันนั้นจะตัดสินผู้แพ้และผู้ชนะได้จากความสามารถในการหาวิธีใหม่ๆ ที่จะลดต้นทุนและความเสี่ยงสำหรับลูกค้า ไม่ใช่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวแต่ตลอดระยะการมีอยู่ของสินค้านั้นๆ มันมีคอร์สที่คุณสามารถไปลงเรียน และหนังสือที่คุณสามารถหาอ่านได้ซึ่งจะพัฒนาทักษะในการเป็นนักคิดริเริ่ม ที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ได้ แต่การเป็นนักคิดริเริ่มนั้นต้องมีมากกว่าแค่ทักษะ คุณต้องมีทัศนคติ วิธีการเข้าหา และวิธีในการทำงาน และไม่มีอะไรจะช่วยฝึกทักษะความคิดริเริ่มได้ดีไปกว่าใช้มันบ่อยๆ

ถ้าคุณทำงานใหม่ๆ เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไอเดียใหม่ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา คุณก็จะมีความคิดริเริ่มทุกวันเลยล่ะ คุณจะต้องหาทางทำความเข้าใจว่าคุณจะจัดการกับมันอย่างไร คุณจะได้เห็นเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วและคุณก็ต้องคิดให้เร็วเพื่อที่จะตามมันทัน คุณจะได้เจอกับปัญหาและโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ

และนิสัยที่คุณพัฒนาขึ้นมานั้นก็สามารถเอากลับมาปรับใช้กับงานเก่าของคุณได้ด้วย คุณจะพบว่าตัวเองนั้นได้พัฒนาและใช้วิธีใหม่ๆ ในการจัดการกับปัญหา เพราะว่าสมองของคุณจะรวดเร็วมากขึ้นและสามารถมองหามุมมองใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น คว้าโอกาสเอาไว้นะคะ เปลี่ยนความคิดที่ว่า “นั่นไม่ใช่งานของฉัน” ให้เป็น “นั่นจะเป็นงานของฉัน” และพัฒนาทักษะดีๆ กันเถอะค่ะ!