คำแนะนำการหางาน | 6 July 2023

เคล็ดลับเด็ด! เขียน Resume ภาษาอังกฤษยังไงให้ดูโปร

Resume ภาษาอังกฤษ – บัตรผ่านด่านแรกสู่การสมัครงาน

ถ้าเปรียบการสมัครงานเป็นการจีบใครสักคน Resume ก็คือโปรไฟล์เริ่ดๆ ที่ต้องทำให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

Resume เป็นเอกสารสรุปประวัติการทำงานและการศึกษาแบบกระชับ ฉบับ "อ่านแป๊บเดียวก็รู้ว่าคนนี้ใช่" โดยเน้นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ไม่ใช่การเล่าชีวิตตั้งแต่อนุบาล! ความยาวที่เหมาะสมคือ ไม่เกิน 1-2 หน้ากระดาษ A4 (HR ไม่มีเวลามานั่งอ่านนิยายชีวประวัติหรอก)

สมัยนี้สมัครงานแค่มีเรซูเม่ภาษาไทยอย่างเดียวอาจจะไม่พอ! เพราะบริษัทส่วนใหญ่ โดยเฉพาะองค์กรระดับสากล มองหาคนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้แบบคล่องแคล่ว เรซูเม่ภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีไว้แค่โชว์ภาษาหรูๆ แต่เป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้งาน! หลายบริษัทต้องการคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ เพราะการทำงานยุคนี้ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศ ถ้าคุณเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก การมีเรซูเม่ภาษาอังกฤษที่อ่านง่าย กระชับ และดูเป็นมืออาชีพ จะทำให้น่าสนใจมากขึ้น ลองคิดดูสิ ถ้าเรซูเม่ของคุณน่าสนใจกว่า ใครจะอยากพลาดล่ะ?

แล้วต้องเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษยังไงให้ดูโปร ไม่แปลกเกิน ไม่แข็งเกิน และไม่งงเกิน WorkVenture มีทริคดีๆ มาฝาก ถ้าอยากให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษอ่านแล้วลื่นไหล ถูกใจ HR ลองมาดูกันเลย

  • รวบรวมข้อมูลของตัวเองแล้วจัดเรียง

เริ่มจากการรวบรวมข้อมูลและเอกสารของตัวเองให้ครบ แล้วแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนตัว, ประสบการณ์ทำงาน, ทักษะ และการศึกษา การจัดระเบียบข้อมูลจะทำให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณเหมือนกับการจัดบ้านให้เรียบร้อย ทุกอย่างมีที่อยู่ ไม่มีอะไรหายไปไหน เมื่อ HR เปิดมาอ่านก็จะไม่ต้องใช้เวลากับการเดาความหมายหรือตกหล่นอะไรไป อย่าลืมว่า HR ต้องอ่านเรซูเม่เป็นร้อยฉบับในแต่ละวัน การทำให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณอ่านง่ายๆ ก็เหมือนกับการทำให้พวกเขามองเห็นคุณแบบ "เฮ้ คนนี้ต้องโดน" นั่นแหละ ลองเรียงลำดับตามนี้ดู แล้วอย่าลืมจัดเรียงให้มีช่องว่างให้สบายตาด้วยนะ

 

1.ใส่หัวเรื่องและจุดมุ่งหมายในงาน

เริ่มต้นกันที่เรื่องสำคัญที่สุดของเรซูเม่ คือ การบอกความคาดหวังในงาน เช่น คุณสนใจในงานตำแหน่งไหน หรือจบจากมหาวิทยาลัยอะไร คณะอะไร อย่าให้ HR สงสัยว่าแฮปปี้ที่เงินเดือนเท่าไหร่ ควรบอกให้ชัดเจนไปเลยว่า "ผม/ดิฉัน ต้องการงานนี้เพราะอยากมีโอกาสเติบโตในด้านนี้" หรือ "เงินเดือนที่คาดหวังคือเท่าไรที่เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์ของผม/ดิฉัน" เพื่อให้ทุกอย่างมีความชัดเจน

อย่าลืมว่าการใส่ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณดูครบถ้วน และมีความน่าเชื่อถือ ถ้า HR อ่านแล้วรู้สึกว่า "โอเค คนนี้มีความพร้อมในการเริ่มต้นงานจริงๆ" ก็จะทำให้คุณได้ไปต่อและเข้าใกล้การสัมภาษณ์มากขึ้น!

  • Graduated with Bachelor degree in Business Administration from Nowhere University.
  • I am interested in (Business Development)
  • My expected salary is 38,000 baht per month

2.ใส่ข้อมูลส่วนตัว

ข้อมูลส่วนตัวในเรซูเม่ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย! ถึงแม้คุณจะจัดเต็มเรซูเม่ภาษาอังกฤษสุดเก๋ขนาดไหน แต่ถ้าลืมใส่ข้อมูลส่วนตัวหรือใส่ผิดไป โอกาสดีๆ ก็อาจจะหลุดมือไปได้ง่ายๆ

เริ่มจากการใส่ชื่อ-นามสกุลของตัวเองให้เด่นขึ้นหน่อย ใช้ขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อเล่น แค่ใส่ชื่อจริงให้ตรงกับเอกสารทางการ แล้วเลือกวางตำแหน่งของชื่อที่ชอบ ไม่ว่าจะตรงกลางหรือมุมซ้ายขวาตามที่สะดวก

ถ้าพูดถึงรูปถ่าย สำหรับบริษัทในไทยหรือแถบเอเชีย การใส่รูปจะทำให้เรซูเม่ดูมืออาชีพมากขึ้น และอาจเพิ่มโอกาสให้คุณถูกเรียกสัมภาษณ์ แต่สำหรับบางบริษัทต่างชาติที่เน้นความเท่าเทียม อาจไม่ต้องการให้ใส่รูป เพราะอาจมีการตัดสินจากลักษณะภายนอก

อย่าลืมใส่ข้อมูลการติดต่อให้ครบถ้วน ทั้งเบอร์โทร อีเมล หรือช่องทางการติดต่ออื่นๆ เช่น LinkedIn เพื่อให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณดูพร้อมให้ติดต่อและมืออาชีพมากที่สุด! อย่าลืมนะ

  • ใส่ชื่อนามสกุลให้เด่น เป็นที่จดจำ
  • รูปภาพแบบมืออาชีพ
  • ข้อมูลการติดต่อที่ถูกต้อง

 

3.ใส่ประสบการณ์ทำงาน

การใส่ประสบการณ์การทำงานหรือฝึกงานในเรซูเม่ไม่ใช่แค่การบอกว่าเคยทำอะไร แต่เป็นการเล่าเรื่องให้รู้ถึงทักษะและความสามารถที่มี การอธิบายประสบการณ์ไม่ใช่แค่การบอกชื่อบริษัทและระยะเวลาในการทำงาน แต่ต้องบอกด้วยว่าทำอะไรบ้างในแต่ละตำแหน่ง และโดดเด่นอย่างไรบ้าง!

ลองนึกภาพ HR กำลังอ่านเรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณท่ามกลางผู้เข้าสมัครหลายร้อยใบที่ต้องคัดเลือก ถ้าเรซูเม่ของคุณมีข้อมูลที่เจาะลึกและน่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำในแต่ละงาน จะช่วยให้คุณดูโดดเด่นขึ้นมาทันที!

ลองเริ่มจากการเรียงลำดับประสบการณ์การทำงานจากงานล่าสุดไปยังงานก่อนหน้า มันทำให้เห็นการพัฒนาและการเติบโตในเส้นทางอาชีพของคุณ อย่างเช่น บอกว่าในงานล่าสุดของคุณ คุณทำอะไรบ้าง ช่วยพัฒนาอะไรได้บ้าง แล้วเล่าไปจนถึงงานก่อนๆ โดยที่เน้นไปที่ความสำเร็จที่สำคัญในแต่ละงาน!

อย่าลืมที่จะให้รายละเอียดในแต่ละตำแหน่งอย่างชัดเจน ซึ่งประกอบไปด้วย:

  • ชื่อสถานประกอบการ ที่คุณทำงาน
  • ตำแหน่งงาน ที่คุณได้รับ
  • ระยะเวลาที่ทำงาน (ถ้าเป็นงานต่างประเทศ อย่าลืมใส่ประเทศที่ทำงานด้วย)
  • หน้าที่หลักๆ ที่คุณรับผิดชอบในการทำงาน และสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันสำคัญ
  • ผลงานเด่นๆ ซึ่งควรมีผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย การพัฒนาระบบที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

Experience:

ABC Company – Bangkok, Thailand (Jan 2022 – Present)

Position : Sales Executive

-  Partner with key customers/personnel to understand practice structure, business model, key influence customer needs and business opportunities.

-  Boost sales volume by 30% in 2 months

สำคัญมากที่ต้องเขียน ผลลัพธ์ ของงานที่ทำไปอย่างชัดเจน! เช่น "ช่วยเพิ่มยอดขาย 30% ภายใน 2 เดือน" หรือ "ลดเวลาการดำเนินงานลง 30% โดยการพัฒนาระบบใหม่" เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ HR หรือผู้ว่าจ้างเห็นถึงการมีส่วนร่วมและผลกระทบที่คุณมีต่อองค์กร

จำไว้ว่าการจัดเรียงข้อมูลต้องทำให้ดูเรียบร้อยและอ่านง่าย! คิดว่า HR ต้องเจอเรซูเม่เรซูเม่ภาษาอังกฤษ หลายใบในแต่ละวัน การทำให้เรซูเม่เรซูเม่ภาษาอังกฤษ อ่านง่ายและเข้าใจได้เร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะได้สัมภาษณ์! ใช้หัวข้อที่ชัดเจน เช่น "ประสบการณ์การทำงาน" หรือ "ประวัติการทำงาน" และค่อยๆ ไล่ไปทีละงาน เรียงลำดับให้ดี อย่าทำให้ข้อมูลย่อยยาก

 

4.ใส่ทักษะ

การเขียนทักษะในเรซูเม่ไม่ใช่แค่การบอกว่า "ฉันสามารถทำได้!" แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ! คิดภาพ HR เปิดเรซูเม่ กวาดตามอง และเห็นว่า ทักษะ ของคุณตรงกับงานที่ต้องการก็คงสนใจมากขึ้น ดังนั้น การเลือกใส่ทักษะที่ตรงกับงานนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ!

เริ่มจากการเจาะจงทักษะที่เกี่ยวข้องกับงาน นั่นหมายความว่า ถ้าคุณสมัครงานที่เกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ ก็ต้องระบุทักษะในการใช้โปรแกรมที่เกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอให้ชัดเจน! เช่น โปรแกรม Premiere Pro, หรือแม้กระทั่ง Final Cut Pro! ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบกราฟิก ก็ใส่ IllustratorInDesign ให้โดดเด่นไปเลย!

จัดระเบียบทักษะเป็น Bullet Point จะทำให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณดูเรียบร้อยและอ่านง่ายขึ้น เช่น:

  • Good command of Written and Spoken English with TOEIC:750
  • Proficient in Microsoft Office
  • Proficient in Adobe illustration, Adobe photoshop, Adobe indesign
  • Typing skills: Thai, 55 words per minute | English, 40 words per minute

อย่าลืมอัพเดททักษะให้ทันสมัย! เพราะในโลกนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน การแสดงทักษะใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้จะทำให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณดูทันสมัยและโดดเด่นในสายตาของนายจ้าง

 

5.ใส่ประวัติการศึกษา

เวลาจะใส่ประวัติการศึกษาในเรซูเม่ หลักการสำคัญเรียงจากปัจจุบันไปอดีต เพราะนายจ้างสนใจวุฒิการศึกษาล่าสุดก่อนเสมอ ใส่ชื่อมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาที่เรียนมา พร้อมปีที่จบให้ครบ ถ้าได้เกียรตินิยมก็ใส่ไปเลยแบบไม่ต้องเขิน เพราะนั่นช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้โปรไฟล์ของคุณได้

สำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก อย่าเพิ่งกังวล ลองดึงประสบการณ์ที่เคยทำระหว่างเรียนมาใช้ เช่น โครงการที่เคยทำ งานวิจัย งานอาสา หรือการฝึกอบรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน จะช่วยให้เรซูเม่ดูมีน้ำหนักขึ้น และแสดงให้เห็นว่ามีทักษะที่พร้อมใช้งานจริง

ถ้าเคยเข้าร่วมโปรแกรมแลกเปลี่ยน หรืองานสัมมนาเจ๋งๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ก็ควรใส่เข้าไปด้วย แต่การศึกษาระดับมัธยมปลายอาจไม่จำเป็นต้องใส่ เว้นแต่ว่าจะช่วยเพิ่มจุดเด่น เช่น เคยเรียนหลักสูตรพิเศษ หรือเคยศึกษาต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ดูว้าวต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ

เคล็ดลับสำคัญคือ อย่าให้ข้อมูลแน่นเกินไปจนอ่านยาก จัดให้เป็นระเบียบ ใช้ Bullet Points ช่วยให้สแกนง่าย และเลือกใส่เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องจริงๆ เพื่อให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษดูโปรและไม่ยืดเยื้อเกินไป เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณเข้าตานายจ้างได้แล้ว

  • เริ่มจากล่าสุด
  • ใส่ชื่อมหาวิทยาลัย สาขา ปีที่จบ
  • ถ้าเคยเข้างานอบรมหรือสัมนาที่เกี่ยวกับงานให้ใส่เข้าไปด้วย
  • การศึกษาระดับมัธยมปลายไม่ต้องใส่ก็ได้ เว้นแต่ว่าช่วยเพิ่มความเด่น

 

6.ใส่บุคคลอ้างอิง

การใส่บุคคลอ้างอิงในเรซูเม่เป็นเหมือนการมีทีมสนับสนุนที่พร้อมยืนยันความสามารถและความเป็นมืออาชีพของคุณ ควรเลือกคนที่เคยร่วมงานด้วยจริงและสามารถพูดถึงคุณในแง่ของทักษะและประสบการณ์ได้อย่างตรงไปตรงมา โดยทั่วไป บุคคลอ้างอิงที่ดีควรเป็นหัวหน้างานเก่าหรืออาจารย์ที่เคยสอนและรู้จักแนวทางการทำงานของคุณดี ที่สำคัญคือไม่ควรเลือกคนที่ทำงานที่เดียวกันทั้งหมด และต้องไม่ใช่ญาติพี่น้อง

ข้อมูลที่ต้องใส่ให้ครบถ้วน ได้แก่ ชื่อ ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับคุณ และช่องทางติดต่อที่สะดวก เช่น เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล ทั้งนี้ ควรแจ้งบุคคลอ้างอิงล่วงหน้าว่าคุณได้ระบุชื่อพวกเขาไว้ในเรซูเม่ เพื่อให้เขาเตรียมตัวตอบคำถามจากนายจ้างได้อย่างมั่นใจ

แม้ในบางกรณี HR อาจไม่ได้ติดต่อบุคคลอ้างอิงเสมอไป แต่การมีข้อมูลส่วนนี้อยู่ในเรซูเม่ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโปรไฟล์ของคุณได้เป็นอย่างดี และยังสะท้อนให้เห็นว่าคุณมั่นใจในทักษะและประสบการณ์ของตัวเองอีกด้วย

 

  • รูปภาพที่เหมาะสม

สำหรับรูปในเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ขอแนะนำให้เลือกภาพที่ดูสุภาพและเป็นทางการขึ้นมาสักนิด ไม่ต้องถึงกับใส่สูทเต็มยศ แต่ก็ควรแต่งกายให้เหมาะสม เช่น เสื้อเชิ้ตเรียบร้อยหรือชุดที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพ ถ่ายกับพื้นหลังสีเรียบเพื่อให้โฟกัสอยู่ที่ตัวคุณ ไม่ใช่ข้าวของด้านหลัง

รูปที่เหมาะสมควรเป็นภาพครึ่งตัว ซึ่งจะช่วยให้เห็นทั้งใบหน้าและบุคลิกของคุณได้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องถ่ายหน้าตรงแบบบัตรประชาชน อาจจะหันข้างเล็กน้อย เลือกมุมที่ทำให้ตัวเองดูดีที่สุดก็ได้ การโพสท่าเล็กน้อยที่ยังคงความสุภาพ ก็สามารถช่วยให้ภาพดูมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ลองถ่ายรูปตามเช็คลิสต์นี้ดู

  • ใส่เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อสุภาพ
  • แต่งหน้าอ่อนๆไม่จัดจ้าน
  • หน้าตรงหรือหันข้างเล็กน้อย
  • ถ่ายแบบครึ่งตัว
  • พื้นหลังสีเรียบ สุภาพ

จำไว้ว่ารูปในเรซูเม่ไม่ใช่แค่ "แปะไว้ให้ครบ" แต่มันคือ "ความประทับใจแรก" ที่ HR จะมีต่อคุณ เพราะฉะนั้นเลือกรูปที่มีคุณภาพสูง คมชัด และสะท้อนความเป็นมืออาชีพให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องเช็กให้ดีด้วยว่าบริษัทที่คุณสมัครเปิดรับเรซูเม่ที่มีรูปหรือไม่ เพราะบางองค์กรอาจเลี่ยงการใช้รูปเพื่อป้องกันอคติในการพิจารณาใบสมัคร 

 

  • Recheck ความถูกต้องและอัพเดทสม่ำเสมอ

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ไม่ควรละเลยเลยก็คือ "ความถูกต้องและการอัปเดตข้อมูล" เพราะถ้าหากข้อมูลการติดต่อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล นายจ้างอาจจะพยายามติดต่อคุณไม่ได้เลย ซึ่งนั่นอาจทำให้พลาดโอกาสงานดี ๆ ไปโดยไม่รู้ตัว! นอกจากนี้ ประวัติการทำงานและทักษะต่าง ๆ ก็ต้องหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ หากมีทักษะใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ก็ควรใส่ลงไปด้วย เพราะยิ่งโปรไฟล์ของคุณน่าสนใจมากขึ้นเท่าไร โอกาสในการได้งานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ "ความถูกต้องของการใช้ภาษา" อย่าปล่อยให้เรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณเต็มไปด้วยคำสะกดผิด หรือแกรมม่าพลาด ๆ เพราะรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ สามารถสะท้อนถึงความใส่ใจและความละเอียดรอบคอบของคุณได้เป็นอย่างดี ถ้านายจ้างเห็นเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ที่มีข้อผิดพลาดเยอะ อาจจะคิดว่าคุณเป็นคนไม่รอบคอบ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ในการทำงานโดยตรง

ดังนั้น ก่อนจะส่งเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ให้ใคร อย่าลืมตรวจสอบทุกอย่างให้เป๊ะ ทั้งข้อมูลการติดต่อ ประสบการณ์ ทักษะ และความถูกต้องของภาษา เพราะเรซูเม่ที่ดีไม่ใช่แค่ทำให้ดูดี แต่ต้องทำให้ได้งานด้วย เอาล่ะ เริ่มทำเรซูเม่ภาษาอังกฤษ แล้วไปสมัครงานกันดีกว่า 

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง