คำแนะนำด้านอาชีพ | 23 December 2015

การต่อสู้ไม่ใช่คำตอบ ความสงบสุขเท่านั้นคือทางออก!

ปัญหาหรือความขัดแย้งในที่ทำงานนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนก็เหมือนเป็นแม่เหล็กที่ปัญหาชอบวิ่งเข้ามาใส่ ในขณะที่บางคนก็สามารถมีชีวิตที่สงบเรียบง่ายได้เป็นปีๆ  แต่อย่างน้อย ทุกคนต้องเจอกับความขัดแย้งซักครั้งล่ะ

 

และยิ่งคุณเข้าใจวิธีการจัดการกับความขัดแย้งดีเท่าไหร่ มันก็จะมีผลกระทบในด้านดีต่อหน้าที่การงานของคุณเท่านั้นแหละค่ะ และการสร้าศัตรูไว้ทุกทีก็ไม่ดีเลย ดังนั้น ทำให้เพื่อนร่วมงานเคารพคุณ และคุณจะเจอโอกาสดีๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ

 

1. นับ 1 ถึง 10..หรือถึง 100

 

การเจอกับงานที่น่าหงุดหงิดนั้นจะสามารถทำให้เราเดือดได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือคุณอาจจะโมโหจนพูดอะไรที่คุณเสียใจทีหลังออกไป ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มองผ่านอารมณ์ที่ปรุงแต่งลงไปจนถึงต้นเหตุว่าอะไรที่ทำให้เกิดปัญหา และถ้าเป็นไปได้ ออกจากตรงนั้น หายใจลึกๆ วิเคราะห์สถานการณ์ให้รอบคอบก่อนจะตอบโต้อะไรไป

 

การไม่ปล่อยให้อารมณ์มีอำนาจเหนือเหตุผลจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ได้โดยที่ไม่สร้างความโกรธเคืองให้กับทั้งสองฝ่าย คุณยังจะทำให้เพื่อนร่วมงานเคารพด้วยการเห็นว่าคุณเป็นคนที่มีความคิด

 

2. ให้ทุกคนได้พูด

 

บางคนก็ใช้คำพูดเผ็ดร้อนโจมตีฝั่งตรงข้าม เช่นคนที่เป็นหัวหน้าอาจจะทำได้ แต่มันดูไม่เป็นมืออาชีพและไม่น่าเคารพเอาซะเลย ส่วนฝั่งที่เงียบ หรือปฏิเสธที่จะพูดถึงปัญหาโดยที่ไม่ได้เห็นด้วยจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้ปัญหามันหมดไปเลยค่ะ ดังนั้น อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งมันเป็นการพูดโจมตีของฝ่ายเดียว การสื่อสารต้องฟังทั้งสองฝ่าย และเรียนรู้สถานการณ์

 

ให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดความคิดเห็นของตนออกมา คุณอาจจะจำกัดเวลาก็ได้เพื่อไม่ให้มันยืดเยื้อจนเกินไป ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้แต่ละคนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและลดคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่จะสุมไฟให้เรื่องมันรุนแรงขึ้นไปอีก

 

3. เลือกสนามต่อสู้ให้ดี

 

ในสภาพแวดล้อมที่คนหลายๆ คนต้องมาร่วมงานกันเพื่อทำโปรเจคสำคัญๆ มันจะต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะ และเมื่อมันมีความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างคุณและเพื่อนร่วมงาน โอกาสที่จะเกิดความระแวงว่าอีกฝ่ายกำลังว่าคุณนั้นก็มีอยู่มากทีเดียว

 

อย่าหงุดหงิดเมื่อเดินผ่านคนๆ นั้นที่คุณกำลังมีปัญหาด้วย เก็บแต่เรื่องที่มันสำคัญและไม่สามารถปล่อยผ่านได้มาเคลียร์กัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ปล่อยมันไป ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการคุยกัน ทำตัวเป็นคนใจกว้างบ้างปัญหาจะได้จบง่ายๆ นะคะ 

 

 

4. หลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทา

 

ความสัมพันธ์ที่ดีก็จะช่วยให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เพื่อนร่วมงานที่เคมีตรงกัน ชอบคุยเรื่องแฟชั่นหรืออะไรคล้ายๆ กันก็มักจะเชื่อใจกันและกันมากกว่าคนอื่น แต่มันก็เสี่ยงเมื่อคุณข้ามเส้นจากบทสนทนาสนุกๆ มาเป็นการซุบซิบนินทาคนอื่น

 

การซุบซิบนินทา หรือการได้รู้ความจริงแค่เพียงครึ่งเดียวเนี่ยจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะมันจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดและความรู้สึกแย่ๆ ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือรวมไปถึงหัวหน้าอีกด้วย

 

5. พูดจากันดีๆ

 

ความขัดแย้งในที่ทำงานมักจะทำให้สองฝ่ายมีอารมณ์ที่ขุ่นมัวมากขึ้น และนำไปสู่การใช้คำพูดแย่ๆ มาสาดใส่กัน เช่นคำพูดแบบที่ว่า “งานแค่นี้มันยากนักหรือไง” หรือ “งานแค่นี้ยังทำไม่ทันแล้วชีวิตจะทำอะไรได้” ซึ่งคำพูดพวกนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย การที่คุณพาลไปทั่วแบบนี้จะบอกอะไรเกี่ยวกับคุณได้มากกว่าคนที่คุณมีปัญหาด้วยซะอีก

 

ดังนั้น พูดจากันดีๆ ใช้ภาษาแบบทางการ ถ้ารู้สึกอารมณ์ขึ้นแล้วกำลังจะหลุดคำพูดแย่ๆ ออกมาก็เดินออกมาจากตรงนั้น สงบสติอารมณ์ให้ได้ก่อนค่อยกลับเข้าไปคุยใหม่ค่ะ

 

 

 

6. อย่าเอาความขัดแย้งมาทำลายความสัมพันธ์

 

อย่าถือเอาความขัดแย้งในการทำงานมาทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมีปัญหา อย่าคิดว่าการที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับงานของคุณแปลว่าพวกเขามีปัญหากับตัวคุณ มันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนร่วมงานแต่ละคนจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป และการที่เพื่อนร่วมงานของคุณจะมีความคิดเห็นแตกต่างจากคุณมันก็ไม่ได้แปลว่าเขาเกลียดคุณซะหน่อย

 

เปิดใจรับฟังคนอื่น และเรียนรู้จากคำวิจารณ์พวกนั้นจะมีประโยชน์กับงานของคุณมากกว่าค่ะ แต่ถ้าพวกเขาตั้งใจจะพูดเพื่อโจมตีคุณจริงๆ ล่ะก็ เดินออกมาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะว่าการไปตอบโต้กับคนพวกนี้นั้นไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย

 

7. ทวนคำพูดของฝั่งตรงข้ามออกมาดังๆ

 

เมื่อคุณตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง คุณก็อยากให้อีกฝั่งหนึ่งเข้าใจคุณใช่ไหมคะ ซึ่งในทางกลับกัน ฝั่งนั้นเขาก็อยากให้คุณเข้าใจและก็ฟังเขาเหมือนกันแหละ ยิ่งถ้าคุณไม่ชอบหน้าคนๆ นั้นอยู่แล้ว มันก็ง่ายที่จะมีอคติต่อสิ่งที่พวกเขาพูด ซึ่งอคติเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากขึ้นเพราะคุณจะไม่ฟังสิ่งที่พวกเขาโต้แย้งหรือเก็บมาคิดจริงๆ จังๆ

 

ดังนั้น เมื่อฝั่งตรงข้ามพูดมุมมองของตัวเองออกมา บังคับตัวเองให้ตั้งใจฟัง และทวนคำพูดของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าคุณฟังอยู่นะ ไม่ใช่แค่พวกเขาจะยินดีที่คุณรับฟัง แต่การทวนคำพูดจะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

 

8. ยอมประนีประนอมบ้าง

 

การยึดถือเอาความคิดตัวเองเป็นหลักโดยที่ไม่สนว่าคนอื่นจะว่าอย่างไรนั้นไม่ค่อยดีต่อการทำงานสักเท่าไหร่นะคะ การมองปัญหาให้มีแต่ ขาว-ดำ ก็รังแต่จะทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และความดื้อรั้นก็เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าคุณจะไม่ยอมฟังความคิดเห็นของเขาเด็ดขาด ดังนั้น อย่าเข้าร่วมประชุมด้วยนิสัยแบบนี้เชียวนะคะ

 

แสดงให้คนอื่นๆ เห็นว่าคุณจะยอมรับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผลในบางแง่มุม คุณพร้อมจะประนีประนอมเพื่อให้ทุกอย่างลงตัว และคุณจะไม่ปล่อยให้อารมณ์ส่วนตัวมามีผลต่องาน

 

9. หาคนกลาง

 

บางครั้ง ความขัดแย้งก็กลายเป็นสงครามย่อมๆ ได้เลย และถ้าคุณพบว่าตัวเองตกอยู่ในสนามรบกับเพื่อนร่วมงานล่ะก็ มันอาจจะถึงเวลามองหาคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยก็ได้นะ

 

สำหรับการไกล่เกลี่ยแบบไม่เป็นทางการ คุณอาจจะเล่าให้หัวหน้างานมาช่วยไกล่เกลี่ย ส่วนการไกล่เกลี่ยแบบเป็นทางการ จงทำตัวให้เป็นมืออาชีพ ไม่ใส่อารมณ์กับความเห็นที่ไม่ถูกใจ ให้สิทธิทุกๆ คนเท่ากันในการพูดสิ่งที่ตัวเองคิด เพราะบางที คนกลางที่มาไกล่เกลี่ยก็สามารถมองออกถึงปัญหาที่คุณไม่อยากยอมรับเพราะคุณไม่ชอบหน้าเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ได้นะ

 

10. คาดหวังว่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

 

ที่ทำงานที่ไม่มีความขัดแย้งเลยคงจะเป็นสวรรค์สำหรับทุกๆ คนล่ะนะ แต่ว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยสิ้นเชิง คุณต้องเข้าใจว่า ความขัดแย้งจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานคุณในจุดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่าก็คือ คุณต้องเรียนรู้ส่จะคลี่คลายมันไปในด้านดีได้อย่างไร อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ระดับองค์กร จัดการกับมันทันทีที่เป็นไปได้ เพราะเรื่องเล็กๆ จะแก้ได้ง่ายกว่าเรื่องใหญ่ๆ อยู่แล้ว

 

ในขณะที่แก้ปัญหาขัดแย้งในที่ทำงาน อย่าลืมที่จะมองทั้งสองฝ่ายว่าพวกเขาโอเคหรือยัง ถ้าคุณรู้สึกชนะ แต่เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกเหมือนเขาพ่ายแพ้หรือรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ มันก็มีโอกาสที่ปัญหาเหล่านี้จะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้น ใช้ทักษะในการสื่อสารที่มีอยู่ให้ดี และคุณจะเป็นพนักงานที่ดี และเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง